Deadpool & Wolverine กุญแจดอกสุดท้ายที่จะกู้หน้าให้ Marvel?

ภาพรวมและความรู้สึกแรก

ท่ามกลางกระแสความอิ่มตัวและวิกฤตศรัทธาที่จักรวาลภาพยนตร์ Marvel (MCU) กำลังเผชิญ, Deadpool & Wolverine กุญแจดอกสุดท้ายที่จะกู้หน้าให้ Marvel? ได้กลายเป็นคำถามสำคัญที่แฟน ๆ ทั่วโลกต่างจับตามอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงการกลับมาของสองตัวละครขวัญใจมหาชน แต่ยังแบกรับความคาดหวังในการเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่จะผสมผสานความโกลาหลแบบจัดเต็มเข้ากับโครงเรื่องมัลติเวิร์สที่ซับซ้อน เพื่อกอบกู้สถานการณ์และทิศทางของแฟรนไชส์ในอนาคต

ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา

• การผนึกกำลังของสองขั้วตรงข้าม: การจับคู่ระหว่างเดดพูลผู้ช่างจ้อและทำลายกำแพงที่สี่ กับวูล์ฟเวอรีนผู้เงียบขรึมและเต็มไปด้วยบาดแผลในใจ กลายเป็นแกนหลักที่ขับเคลื่อนทั้งความขบขันและมิติทางอารมณ์ของเรื่อง
• การเดิมพันกับมัลติเวิร์ส: ภาพยนตร์ใช้ประโยชน์จากแนวคิดพหุจักรวาลอย่างเต็มที่ โดยนำตัวละครจากหลากหลายไทม์ไลน์และแฟรนไชส์กลับมามีบทบาท ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ และการแก้ไขเส้นเรื่องเดิม
• ความหวังในการรีแบรนด์จักรวาล Marvel: “Deadpool & Wolverine” ถูกวางตำแหน่งให้เป็นมากกว่าภาพยนตร์ภาคต่อ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับทิศทางและสร้างความสดใหม่ให้กับ MCU ที่กำลังเผชิญกับความท้าทาย
• สมดุลระหว่างแอ็กชันดิบเถื่อนและอารมณ์ขันเสียดสี: ภาพยนตร์ยังคงเอกลักษณ์ความรุนแรงและมุกตลกสำหรับผู้ใหญ่ของเดดพูล แต่ยกระดับสเกลของฉากแอ็กชันให้ยิ่งใหญ่ขึ้น เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์เดิมพันระดับมัลติเวิร์ส

บทวิจารณ์เชิงลึก

การมาถึงของ Deadpool & Wolverine ไม่ใช่แค่การเพิ่มภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องเข้ามาในจักรวาล Marvel แต่มันคือการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อสั่นสะเทือนรากฐานเดิม ๆ ของแฟรนไชส์ ในช่วงเวลาที่ผู้ชมเริ่มแสดงอาการ “Superhero Fatigue” หรือความเหนื่อยหน่ายจากภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ การนำเสนอที่แตกต่างและกล้าหาญของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดของ Marvel Studios นับตั้งแต่ “Avengers: Endgame”

โครงเรื่องและบท (Script & Plot)

เรื่องราวเปิดฉากขึ้นในชีวิตที่ดูเหมือนจะสงบสุขของ เวด วิลสัน หรือ เดดพูล ก่อนที่เขาจะถูกองค์กรควบคุมกาลเวลาอย่าง TVA (Time Variance Authority) ดึงตัวเข้าไปพัวพันกับภารกิจระดับพหุจักรวาล เจ้าหน้าที่ Paradox แห่ง TVA มอบหมายภารกิจให้เขาตามหาตัวแปรของวูล์ฟเวอรีนจากจักรวาลต่าง ๆ เพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามครั้งใหม่

จุดพลิกผันสำคัญคือการที่เดดพูลได้พบกับวูล์ฟเวอรีนในเวอร์ชันที่ถูกขนานนามว่าเป็น “วูล์ฟเวอรีนที่เลวร้ายที่สุดในมัลติเวิร์ส” เนื่องจากเขาคือผู้ที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับโลกของตัวเอง การจับคู่กันของสองตัวละครที่แตกต่างกันสุดขั้วจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่เต็มใจ ทั้งสองถูกส่งไปยัง “The Void” ดินแดนรกร้างสุดขอบเวลา ที่ซึ่งพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับวายร้ายหลักอย่าง Cassandra Nova ผู้มีความเชื่อมโยงลึกลับกับ TVA

ณ ที่แห่งนั้น พวกเขาได้พบกับกลุ่มต่อต้านที่ประกอบด้วยตัวละครที่คุ้นเคยจากแฟรนไชส์อื่น ๆ เช่น Laura (X-23), Elektra, Blade และ Gambit การรวมพลังกันของเหล่าฮีโร่ที่ถูกลืมเลือนกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญ บทภาพยนตร์โดดเด่นในการผสานความตลกเสียดสีที่เป็นลายเซ็นของเดดพูลเข้ากับความดราม่าและความสิ้นหวังของวูล์ฟเวอรีนได้อย่างลงตัว ในท้ายที่สุด ทั้งสองต้องร่วมมือกันเพื่อย้อนกลับกระบวนการทำลายล้างที่ Cassandra Nova ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งนำไปสู่บทสรุปที่ท้าทายและเต็มไปด้วยการเสียสละ

การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเคมีระหว่าง ไรอัน เรย์โนลส์ ในบท เดดพูล และ ฮิวจ์ แจ็คแมน ในบท วูล์ฟเวอรีน คือหัวใจสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ การกลับมารับบทบาทที่สร้างชื่อให้กับตัวเองอีกครั้งของแจ็คแมน ถ่ายทอดมิติของวูล์ฟเวอรีนที่เหนื่อยล้าและแตกสลายได้อย่างลึกซึ้ง ขณะที่เรย์โนลส์ยังคงรักษามาตรฐานความกวนประสาทและไหวพริบของเดดพูลไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ความสัมพันธ์แบบคู่กัดที่ค่อย ๆ พัฒนาไปสู่ความเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน ถูกขยายให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านการผจญภัยครั้งนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มมิติทางอารมณ์ให้กับเรื่องราวได้อย่างมหาศาล

การเผชิญหน้าระหว่างความบ้าระห่ำที่ไร้ขีดจำกัดและความเจ็บปวดที่ฝังลึก คือสิ่งที่ทำให้การเดินทางของตัวละครคู่นี้น่าจดจำและมีความหมายมากกว่าแค่การรวมพลังต่อสู้กับวายร้าย

ตัวละครสมทบที่ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Cassandra Nova ในฐานะวายร้ายผู้ทรงพลัง หรือกลุ่มพันธมิตรใน The Void ต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในการสร้างสีสันและขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้า การปรากฏตัวของตัวละครจากจักรวาล X-Men เดิม เป็นการคารวะแฟรนไชส์เก่าที่ชาญฉลาดและสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ได้เป็นอย่างดี

งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)

ในด้านงานสร้าง “Deadpool & Wolverine” ถือเป็นการยกระดับจากภาพยนตร์สองภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด การผสมผสานระหว่างสไตล์แอ็กชันที่ดิบเถื่อน รวดเร็ว และรุนแรง เข้ากับสเกลที่ใหญ่โตของสงครามมัลติเวิร์สทำได้อย่างน่าทึ่ง การออกแบบฉากต่าง ๆ โดยเฉพาะ The Void และสำนักงาน TVA มีความโดดเด่นและสร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่ให้กับจักรวาล Marvel ได้เป็นอย่างดี

ดนตรีประกอบและเพลงที่เลือกใช้ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างอารมณ์ขันและเสริมบรรยากาศของเรื่องเช่นเคย การกำกับคิวบู๊มีความสร้างสรรค์และน่าตื่นเต้น โดยเฉพาะฉากที่เดดพูลและวูล์ฟเวอรีนต้องต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสไตล์การต่อสู้ที่แตกต่างแต่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว วิชวลเอฟเฟกต์ทำได้ตามมาตรฐานระดับสูงของ Marvel แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าคือการใช้เทคนิคภาพเพื่อเสริมมุกตลกและทำลายกำแพงที่สี่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ของเดดพูล

ฉากเด่นที่น่าจดจำ

หนึ่งในฉากที่น่าจะถูกพูดถึงมากที่สุดคือการรวมตัวของ “กลุ่มต่อต้านใน The Void” เมื่อเดดพูลและวูล์ฟเวอรีนได้พบกับเหล่าฮีโร่ที่ถูกลืมจากไทม์ไลน์อื่น ๆ ทั้ง Elektra, Blade, Gambit และ Laura (X-23) ฉากนี้ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างความประทับใจให้แฟน ๆ (Fan Service) เท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนธีมหลักของเรื่องเกี่ยวกับการให้โอกาสครั้งที่สองและการค้นหาเป้าหมายใหม่ในชีวิต แม้จะมาจากจักรวาลที่ล่มสลายไปแล้วก็ตาม การปฏิสัมพันธ์ของตัวละครที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วสร้างทั้งช่วงเวลาที่น่าจดจำและบทสนทนาที่คมคาย เป็นฉากที่สรุปหัวใจของภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ: การรวมตัวของสิ่งที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ เพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ข้อดีและข้อสังเกต

ข้อดี

• การปลุกชีพตัวละครในตำนาน: การกลับมาของวูล์ฟเวอรีนในแบบฉบับของฮิวจ์ แจ็คแมน เป็นสิ่งที่แฟน ๆ รอคอย และภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มอบมิติใหม่ให้กับตัวละครที่เหนื่อยล้าและสิ้นหวังได้อย่างน่าประทับใจ
• อารมณ์ขันที่สดใหม่และกล้าหาญ: เดดพูลยังคงเป็นตัวของตัวเองด้วยมุกตลกเสียดสีที่ทำลายกำแพงที่สี่อย่างไม่เกรงใจ ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ใน MCU ได้อย่างชัดเจน
• ศักยภาพในการแก้ไขปัญหาของ MCU: ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังทำหน้าที่เป็นกลไกในการ “เคลียร์บ้าน” จัดระเบียบไทม์ไลน์ที่ยุ่งเหยิง และปูทางไปสู่เรื่องราวใหม่ ๆ ในอนาคต

ข้อสังเกต

• ความซับซ้อนของเนื้อเรื่อง: การอ้างอิงถึงตัวละครและเหตุการณ์จากหลายจักรวาลอาจทำให้ผู้ชมที่ไม่ได้ติดตามแฟรนไชส์ X-Men หรือซีรีส์ Loki มาก่อนเกิดความสับสนได้
• การพึ่งพิงความคิดถึง (Nostalgia): แม้จะเป็นจุดแข็ง แต่การใช้ตัวละครเก่า ๆ จำนวนมากก็มีความเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นการพึ่งพิงความคิดถึงมากเกินไป หากไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่น่าจดจำได้มากพอ

บทสรุปและคะแนน

สรุปแล้ว Deadpool & Wolverine เป็นมากกว่าภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ธรรมดา มันคือจดหมายรักถึงแฟน ๆ การเดิมพันครั้งสำคัญของสตูดิโอ และอาจเป็นยาถอนพิษที่จักรวาล Marvel ต้องการอย่างแท้จริง ด้วยการผสมผสานแอ็กชันสุดมันส์ อารมณ์ขันที่กล้าหาญ และเรื่องราวที่ขับเคลื่อนด้วยเคมีอันยอดเยี่ยมของสองตัวละครนำ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีหนทางใหม่ ๆ ในการเล่าเรื่องซูเปอร์ฮีโร่ และมันอาจเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ปลดล็อกประตูสู่ยุคใหม่ของ MCU ได้สำเร็จ

คำถามที่ว่านี่คือกุญแจดอกสุดท้ายที่จะกู้หน้าให้ Marvel หรือไม่นั้น คำตอบดูเหมือนจะเอนเอียงไปในทิศทางบวก เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้แค่กู้หน้า แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ที่ท้าทายและน่าตื่นเต้นสำหรับอนาคตของแฟรนไชส์อีกด้วย

คะแนน (Score)

8.5/10

คำแนะนำ (Recommendation)

เหมาะสำหรับผู้ชมทุกกลุ่มที่โหยหาความสดใหม่ในวงการภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟน ๆ ดั้งเดิมของเดดพูลและ X-Men รวมถึงผู้ที่ติดตามจักรวาล MCU ที่ต้องการเห็นทิศทางใหม่ที่น่าตื่นเต้นและคาดเดาไม่ได้

หากการทำลายล้างคือหนทางเดียวสู่การสร้างสรรค์ใหม่ ตัวตนที่แท้จริงของเราจะยังคงหลงเหลืออยู่หรือไม่?