Deadpool & Wolverine เดิมพันครั้งใหญ่ กอบกู้จักรวาล Marvel?
ภาพยนตร์เรื่อง Deadpool & Wolverine เดิมพันครั้งใหญ่ กอบกู้จักรวาล Marvel? ไม่ได้เป็นเพียงภาคต่อของฮีโร่ชุดแดงปากจัด แต่คือเหตุการณ์สำคัญที่อาจพลิกโฉมหน้าจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) ไปตลอดกาล การโคจรมาพบกันของสองตัวละครต่างขั้วจากสองจักรวาลที่เคยแยกจากกัน ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่ Marvel Studios วางไว้เพื่อผสานแฟรนไชส์ X-Men เข้ากับ Multiverse Saga อย่างเป็นทางการ พร้อมกับแบกความหวังในการฟื้นฟูความนิยมและทิศทางของ MCU ในอนาคต
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา

- การหลอมรวมจักรวาล: ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมแฟรนไชส์ X-Men ของ 20th Century Fox เข้ากับ Marvel Cinematic Universe อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเรื่องราวในอนาคตอย่างมหาศาล
- กฎใหม่แห่งมัลติเวิร์ส: การนำเสนอแนวคิด “Anchor Beings” หรือสิ่งมีชีวิตที่เป็นสมอของจักรวาล ซึ่งการตายของพวกเขาจะนำไปสู่การล่มสลายของไทม์ไลน์ทั้งหมด กลายเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเรื่องราว
- การกลับมาครั้งประวัติศาสตร์: Hugh Jackman กลับมารับบท Wolverine อีกครั้งหลังประกาศอำลาบทบาทใน Logan (2017) ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากเคมีที่เข้ากันกับ Ryan Reynolds และความปรารถนาที่จะเห็นตัวละครทั้งสองโลดแล่นบนจอเดียวกัน
- ภารกิจกอบกู้สถานการณ์: Deadpool & Wolverine ถูกคาดหวังให้เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทะลุพันล้านดอลลาร์ เพื่อพิสูจน์ว่า Marvel ยังคงมีพลังในการสร้างสรรค์และดึงดูดผู้ชมในยุคที่แฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร่กำลังเผชิญกับความท้าทาย
ภาพรวมและความรู้สึกแรก
Deadpool & Wolverine เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 34 ของ MCU และเป็นภาคที่สามของซีรีส์ Deadpool ที่ยังคงเอกลักษณ์ความตลกร้าย เสียดสี และทำลายกำแพงที่สี่อย่างไม่เกรงใจใคร แต่ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกภารกิจที่มีสเกลใหญ่ระดับมัลติเวิร์สเข้ามาเป็นแกนกลาง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เวด วิลสัน (Deadpool) ผู้ซึ่งใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหลังทิ้งชีวิตฮีโร่ไว้เบื้องหลัง ถูก Time Variance Authority (TVA) ดึงตัวมาเพื่อมอบภารกิจในการปกป้องความมั่นคงของจักรวาล ทว่าภารกิจนี้กลับนำพาเขาไปสู่การเผชิญหน้ากับ Wolverine ในเวอร์ชันที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ทั้งสองต้องจำใจร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่อาจลบไทม์ไลน์ของพวกเขาให้หายไปตลอดกาล ภาพยนตร์จึงเป็นการผสมผสานระหว่างแอ็กชันดิบเถื่อน มุกตลกสัปดน และการสำรวจแนวคิดเรื่องโชคชะตาและตัวตนในโลกพหุจักรวาล
บทวิจารณ์เชิงลึก
การวิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่องนี้จำเป็นต้องมองผ่านเลนส์สองชั้น ชั้นแรกคือการเป็นภาพยนตร์เดี่ยวที่มอบความบันเทิง และชั้นที่สองคือการเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการขับเคลื่อนมหากาพย์ของ MCU ซึ่งในทั้งสองมิติ Deadpool & Wolverine ก็ได้สร้างมาตรฐานใหม่ที่น่าสนใจ
โครงเรื่องและบท (Script & Plot)
หัวใจของเรื่องราวไม่ได้อยู่ที่การต่อสู้กับวายร้ายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเดินทางเพื่อ “ค้นหาและกอบกู้ตัวตน” ผ่านแนวคิดที่ซับซ้อนอย่าง “Anchor Beings” บทภาพยนตร์ได้นำเสนอทฤษฎีใหม่ที่น่าสนใจว่า ทุกจักรวาลมีบุคคลสำคัญที่เป็นดั่งสมอ หากบุคคลนั้นเสียชีวิต จักรวาลนั้นก็จะถึงกาลอวสาน ในจักรวาลของ Deadpool และเหล่า X-Men นั้น Wolverine คือสมอหลัก การตายของเขาในภาพยนตร์ Logan (2017) จึงไม่ใช่แค่การปิดฉากตัวละคร แต่คือจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของไทม์ไลน์ทั้งหมด
ภารกิจของ Deadpool จึงไม่ใช่การเข้าร่วมทีม Avengers ตามที่ TVA เสนอ แต่คือการเดินทางข้ามมิติเพื่อตามหา Wolverine “คนใหม่” หรือ “ตัวแปร” อื่นที่จะสามารถมารับหน้าที่เป็นสมอแทนคนเดิมได้ ซึ่งนี่คือจุดที่บทภาพยนตร์แสดงความชาญฉลาดในการผูกโยงเรื่องราวเก่าเข้ากับกฎเกณฑ์ใหม่ได้อย่างลงตัว
บทสนทนายังคงเต็มไปด้วยการจิกกัดวัฒนธรรมป๊อปและตัวภาพยนตร์ในเครือ Marvel เองอย่างไม่ปรานี แต่สิ่งที่ยกระดับบทภาพยนตร์ภาคนี้ขึ้นมาคือการถกเถียงเชิงปรัชญาเล็กๆ เกี่ยวกับเจตจำนงเสรีและการถูกกำหนดโชคชะตา Deadpool ผู้ซึ่งเคยใช้ชีวิตอย่างไร้แก่นสารกลับต้องมาแบกรับภาระที่ยิ่งใหญ่ ส่วน Wolverine ในเวอร์ชันนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นตัวละครที่ล้มเหลวและหมดหวัง การจับคู่กันของทั้งสองจึงไม่ใช่แค่คู่หูต่างขั้ว แต่เป็นการสะท้อนภาพของสองบุคคลที่กำลังต่อสู้กับ “บท” ที่จักรวาลมอบให้
การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือเคมีระหว่าง Ryan Reynolds และ Hugh Jackman การกลับมารับบท Wolverine ของ Jackman ไม่ใช่เพียงเพื่อเอาใจแฟนคลับ แต่เป็นการเติมเต็มศักยภาพของตัวละครที่เคยถูกจำกัดอยู่ในกรอบของภาพยนตร์ X-Men ที่จริงจังกว่า เขาแสดงออกถึงความเหนื่อยหน่าย สิ้นหวัง และความดิบเถื่อนของ Wolverine ในมิติที่แตกต่างออกไปได้อย่างน่าเชื่อถือ ขณะที่ Ryan Reynolds ยังคงเป็น Deadpool ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาสามารถถ่ายทอดความยียวนกวนประสาทไปพร้อมๆ กับความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากได้อย่างแนบเนียน
การตัดสินใจกลับมารับบทของ Hugh Jackman มีเบื้องหลังที่น่าสนใจ เขาเคยยืนยันว่าจะไม่กลับมาอีกหลังจบ Logan แต่หลังจากได้ชม Deadpool (2016) เขากลับรู้สึกเสียดายและต้องการที่จะเห็นตัวละครทั้งสองปะทะกันบนจอภาพยนตร์ ความปรารถนาที่จะ “มีช่วงเวลาที่ดีที่สุด” กับ Reynolds สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนผ่านการแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติและสนุกสนาน ทำให้การต่อปากต่อคำและการร่วมมือกันของทั้งสองดูมีชีวิตชีวาและน่าจดจำ
งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)
ในด้านงานสร้าง Deadpool & Wolverine มีความท้าทายในการสร้างสมดุลระหว่างโลกสองใบ คือโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและตลกร้ายของ Deadpool และโลกที่มีกฎเกณฑ์ซับซ้อนของ MCU และ TVA ซึ่งทีมผู้สร้างทำได้อย่างยอดเยี่ยม การออกแบบฉากของ TVA ยังคงเอกลักษณ์จากซีรีส์ Loki แต่ถูกนำเสนอในมุมมองที่วุ่นวายและโกลาหลมากขึ้นเมื่อ Deadpool ก้าวเข้าไป ขณะที่ฉากในจักรวาล X-Men ที่กำลังล่มสลายก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างหดหู่และสิ้นหวัง
ฉากแอ็กชันถูกออกแบบมาเพื่อโชว์จุดเด่นของตัวละครทั้งสองอย่างเต็มที่ การต่อสู้ของ Deadpool ยังคงมีความเป็นการ์ตูนและคาดเดายาก ในขณะที่ฉากของ Wolverine นั้นเต็มไปด้วยความดุดันและรุนแรงตามสไตล์ดั้งเดิม การกำกับภาพสามารถสลับโทนระหว่างความขบขันและความจริงจังได้อย่างลื่นไหล ดนตรีประกอบก็มีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศและเสริมมุกตลกเสียดสีต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยรวมแล้วงานสร้างสามารถตอบสนองความคาดหวังของแฟนๆ ทั้งสองฝั่งได้อย่างน่าพอใจ
| องค์ประกอบ | การวิเคราะห์ | คะแนน |
|---|---|---|
| โครงเรื่องและบท | ผสมผสานมุกตลกเสียดสีเข้ากับแนวคิดมัลติเวิร์สที่ซับซ้อนได้อย่างสร้างสรรค์ นำเสนอคอนเซปต์ “Anchor Beings” ที่กลายเป็นแกนหลักสำคัญของเรื่อง | 9/10 |
| การแสดงและเคมีนักแสดง | เคมีระหว่าง Ryan Reynolds และ Hugh Jackman คือหัวใจของเรื่อง การแสดงที่เข้าขากันทำให้ตัวละครมีมิติและน่าจดจำ | 10/10 |
| งานสร้างและเทคนิคพิเศษ | การออกแบบฉากแอ็กชันและภาพมีความโดดเด่น สามารถสร้างสมดุลระหว่างโทนเรื่องที่แตกต่างกันของสองจักรวาลได้ดี | 8/10 |
| ความบันเทิงและการเล่าเรื่อง | มอบความบันเทิงในระดับสูงสุดสำหรับแฟนๆ แต่เนื้อเรื่องที่อิงกับจักรวาลเดิมอาจทำให้ผู้ชมใหม่เข้าถึงได้ยากขึ้นเล็กน้อย | 9/10 |
สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ
- สิ่งที่ชอบ:
- เคมีที่ไร้เทียมทาน: ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง Deadpool และ Wolverine คือจุดแข็งที่สุดของภาพยนตร์ สร้างเสียงหัวเราะและฉากที่น่าจดจำมากมาย
- การขยายจักรวาลอย่างกล้าหาญ: การผสานโลกของ X-Men เข้ามาโดยใช้กฎใหม่ๆ ทำให้ MCU ดูสดใหม่และน่าตื่นเต้นอีกครั้ง
- ความซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับ: ภาพยนตร์ยังคงรักษาเรต R และเอกลักษณ์ความรุนแรงตลกร้ายของ Deadpool ไว้อย่างครบถ้วน แม้จะเข้ามาอยู่ในบ้านของ Disney แล้วก็ตาม
- สิ่งที่อาจไม่ชอบ:
- ความซับซ้อนของเนื้อเรื่อง: ผู้ชมที่ไม่ได้ติดตาม MCU หรือภาพยนตร์ X-Men มาอย่างต่อเนื่องอาจรู้สึกสับสนกับข้อมูลและกฎเกณฑ์ต่างๆ ของมัลติเวิร์ส
- มุกตลกวงใน: มุกเสียดสีจำนวนมากอ้างอิงถึงเหตุการณ์หรือภาพยนตร์เรื่องอื่น ซึ่งอาจไม่ตลกสำหรับผู้ชมทั่วไปที่ไม่เข้าใจบริบท
บทสรุปและคะแนน
Deadpool & Wolverine ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ประสบความสำเร็จในการมอบความบันเทิง แต่ยังเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่มาเพื่อ “จัดระเบียบ” และ “กอบกู้” จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลอย่างแท้จริง มันพิสูจน์ให้เห็นว่า MCU ยังมีพื้นที่สำหรับความสร้างสรรค์ที่แตกต่างและกล้าหาญ การเดิมพันครั้งนี้ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทั้งในแง่ของรายได้ที่คาดการณ์ไว้และในแง่ของการสร้างทิศทางใหม่ที่น่าติดตามให้กับแฟรนไชส์ นี่คือภาพยนตร์ที่แฟนๆ รอคอย และเป็นสัญญาณที่ดีว่าจักรวาลมาร์เวลกำลังจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
คะแนน (Score)
ภาพยนตร์ที่เปรียบเสมือนลมหายใจเฮือกใหม่ของ MCU ผสมผสานความบ้าระห่ำของ Deadpool เข้ากับความดราม่าของ Wolverine ได้อย่างลงตัว พร้อมปูทางไปสู่เรื่องราวในอนาคตได้อย่างน่าตื่นเต้น แม้จะมีเนื้อหาที่ซับซ้อนไปบ้าง แต่ก็เป็นความบันเทิงที่แฟน Marvel ไม่ควรพลาด
คำแนะนำ (Recommendation)
ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ชมทุกกลุ่มที่ติดตาม Marvel Cinematic Universe และแฟรนไชส์ X-Men มาอย่างยาวนาน รวมถึงแฟนคลับของ Deadpool ที่ชื่นชอบอารมณ์ขันแบบไม่เกรงใจใคร นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่เริ่มรู้สึก “เบื่อ” กับสูตรสำเร็จเดิมๆ ของหนังซูเปอร์ฮีโร่และกำลังมองหาความแปลกใหม่ที่กล้าฉีกทุกกฎเกณฑ์
หากตัวตนของเราถูกกำหนดโดยจักรวาลที่เราอาศัยอยู่ การทำลายเส้นแบ่งนั้นจะทำให้เราเป็นอิสระหรือสูญเสียความเป็นตัวเองไปกันแน่?
