รีวิว Furiosa มหากาพย์ Mad Max ที่ไม่ควรพลาด

การกลับมาของจักรวาลดินแดนรกร้างอันโหดร้ายใน รีวิว Furiosa มหากาพย์ Mad Max ที่ไม่ควรพลาด ถือเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟที่ขยายตำนานของตัวละครนักรบหญิงผู้แข็งแกร่งอย่าง ฟูริโอซ่า ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยจอร์จ มิลเลอร์ ผู้สร้างจักรวาล Mad Max ขึ้นมากับมือ โดยพาผู้ชมย้อนกลับไปสำรวจจุดกำเนิดและเส้นทางชีวิตอันแสนสาหัสของเธอก่อนที่จะได้พบกับแม็กซ์ ร็อกคาแทนสกี้ใน *Mad Max: Fury Road* (2015) การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่เติมเต็มช่องว่างของเรื่องราว แต่ยังเป็นการสำรวจจิตใจมนุษย์ที่ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดท่ามกลางโลกที่อารยธรรมล่มสลายและปราศจากความหวัง

ประเด็นสำคัญที่ไม่ควรพลาด

รีวิว Furiosa มหากาพย์ Mad Max ที่ไม่ควรพลาด - review-furiosa-a-mad-max-saga

  • การขยายจักรวาลที่ลึกซึ้ง: ภาพยนตร์เรื่องนี้เจาะลึกไปในตำนานของโลก Mad Max นำเสนอสถานที่ใหม่ๆ กลุ่มอำนาจต่างๆ และพลวัตของสงครามแย่งชิงทรัพยากรที่ซับซ้อนกว่าเดิม
  • การแสดงอันทรงพลัง: อันยา เทย์เลอร์-จอย ในบทฟูริโอซ่าวัยสาว และคริส เฮมส์เวิร์ธ ในบทขุนศึกดีเมนตัส มอบการแสดงที่น่าจดจำและสร้างมิติใหม่ให้กับตัวละครได้อย่างน่าทึ่ง
  • มหากาพย์แอ็คชั่นที่ยังคงมาตรฐาน: แม้จะแตกต่างจาก *Fury Road* แต่ฉากไล่ล่าสุดระห่ำและงานภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของจอร์จ มิลเลอร์ ยังคงสร้างประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่ดุเดือดและน่าตื่นตาตื่นใจ
  • เรื่องราวดราม่าที่เข้มข้น: หัวใจของเรื่องไม่ใช่แค่ฉากแอ็คชั่น แต่เป็นการเดินทางทางอารมณ์ของฟูริโอซ่า จากเด็กสาวผู้ถูกพรากทุกสิ่งสู่การเป็นนักรบผู้ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา

ภาพรวมและความรู้สึกแรก

Furiosa: A Mad Max Saga คือการกลับสู่ดินแดนรกร้างที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลและสิ้นหวังอีกครั้ง ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของฟูริโอซ่า (รับบทโดย อันยา เทย์เลอร์-จอย) ตั้งแต่วัยเด็กที่ถูกลักพาตัวจาก “ดินแดนสีเขียว” โดยแก๊งไบค์เกอร์ของขุนศึกผู้โหดเหี้ยมนามว่า ดีเมนตัส (รับบทโดย คริส เฮมส์เวิร์ธ) เธอต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของโลกภายนอกและต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสงครามระหว่างสองขั้วอำนาจ คือ ดีเมนตัส และ อิมมอร์แทน โจ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ภาคแยก แต่เป็นบทบันทึกการต่อสู้เพื่อทวงคืนตัวตนและค้นหาความหวังในโลกที่ทุกอย่างพังทลายลง

บทวิจารณ์เชิงลึก

การวิเคราะห์ Furiosa ต้องมองให้ลึกกว่าแค่การเปรียบเทียบกับภาคก่อนหน้าอย่าง Fury Road เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีเป้าหมายที่แตกต่างออกไป มันเลือกที่จะลดทอนความบ้าคลั่งแบบต่อเนื่องลง เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับการสร้างตัวละครและโลกทัศน์ที่กว้างขวางขึ้น

โครงเรื่องและบท (Script & Plot)

บทภาพยนตร์ของ Furiosa มีลักษณะเป็นมหากาพย์การเดินทาง (Epic Journey) ที่ครอบคลุมช่วงเวลาหลายปี ต่างจาก Fury Road ที่ดำเนินเรื่องในลักษณะการไล่ล่าภายในไม่กี่วัน โครงสร้างนี้ทำให้ภาพยนตร์สามารถเจาะลึกพัฒนาการของฟูริโอซ่าได้อย่างละเอียด ตั้งแต่ความไร้เดียงสา ความสูญเสีย ความแค้น ไปจนถึงการเรียนรู้ที่จะใช้สติปัญญาและยุทธวิธีเพื่อความอยู่รอด

เนื้อเรื่องขยายตำนานของจักรวาล Mad Max ได้อย่างน่าสนใจ มีการเปิดเผยมุมมองเกี่ยวกับ “สงครามทรัพยากร” ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งการควบคุมแหล่งน้ำมัน (Gas Town) และเหมืองแร่ (Bullet Farm) ทำให้โลกหลังล่มสลายนี้ดูมีมิติและสมจริงมากกว่าแค่ความบ้าคลั่งเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม การเล่าเรื่องที่ครอบคลุมเวลายาวนานอาจทำให้จังหวะของหนังบางช่วงแผ่วลงไปบ้างเมื่อเทียบกับความตึงเครียดต่อเนื่องของภาคก่อนหน้า

การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)

การแสดงคือหนึ่งในจุดแข็งที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ อันยา เทย์เลอร์-จอย สามารถถ่ายทอดบทบาทฟูริโอซ่าออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เธอไม่ได้พยายามเลียนแบบชาร์ลิซ เธอรอน แต่สร้างตัวละครในแบบของตัวเองขึ้นมาใหม่ สายตาของเธอสื่อถึงความเจ็บปวด ความโกรธแค้น และความมุ่งมั่นได้อย่างทรงพลัง แม้บทพูดจะมีไม่มากนัก แต่การแสดงออกทางสีหน้าและร่างกายก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชมเข้าถึงแก่นแท้ของตัวละคร

ในขณะเดียวกัน คริส เฮมส์เวิร์ธ ได้สลัดภาพเทพเจ้าสายฟ้าออกไปจนหมดสิ้น เขากลายเป็นดีเมนตัส ขุนศึกผู้มีทั้งความโหดร้ายและเสน่ห์แบบแปลกประหลาด ตัวละครของเขามีความซับซ้อน ไม่ใช่แค่ตัวร้ายมิติเดียว แต่เป็นผลผลิตของโลกที่โหดร้ายซึ่งสะท้อนภาพความบิดเบี้ยวของมนุษย์ที่สูญเสียทุกสิ่งไป การแสดงของเขามอบพลังงานที่คาดเดาไม่ได้และเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับฟูริโอซ่า

งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)

จอร์จ มิลเลอร์ ยังคงเป็นเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ภาพยนตร์แอ็คชั่นที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจน งานภาพใน Furiosa ยังคงความยิ่งใหญ่และสวยงามน่าทึ่ง การออกแบบฉาก ยานพาหนะ และเครื่องแต่งกายยังคงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้จักรวาล Mad Max โดดเด่นไม่เหมือนใคร ฉากไล่ล่าขนาดใหญ่ยังคงเป็นหัวใจสำคัญและถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ แม้บางฉากจะได้รับการวิจารณ์เรื่องการใช้ CGI ที่เห็นได้ชัดกว่าภาคก่อน แต่โดยรวมแล้วไม่ได้ลดทอนความน่าตื่นตาตื่นใจลงไปมากนัก

สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือโทนสีของภาพยนตร์ Furiosa ใช้โทนสีที่หม่นและมืดกว่า Fury Road ซึ่งสะท้อนถึงเนื้อหาที่เน้นดราม่าและความสิ้นหวังของตัวละครได้เป็นอย่างดี ดนตรีประกอบยังคงทำหน้าที่สร้างความตึงเครียดและเร้าอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกฉากแอ็คชั่นทรงพลังยิ่งขึ้น

ฉาก/ไฮไลต์ที่น่าจดจำ (Memorable Moments)

หนึ่งในฉากที่น่าจดจำที่สุดคือ “สงครามบน War Rig” ที่กินเวลายาวนานและเต็มไปด้วยการต่อสู้กลางเวหา เป็นการแสดงให้เห็นถึงไหวพริบและทักษะการเอาตัวรอดของฟูริโอซ่าที่กำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้น ฉากนี้ไม่เพียงแต่อัดแน่นไปด้วยแอ็คชั่นสุดระห่ำ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ใช่แค่เหยื่ออีกต่อไป แต่เป็นนักสู้ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายของตน นอกจากนี้ ฉากที่เธอต้องสูญเสียแขนและสร้างแขนกลขึ้นมาด้วยตัวเองก็เป็นช่วงเวลาที่ทรงพลังและตอกย้ำภาพลักษณ์นักรบของเธอที่ผู้ชมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

Furiosa ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์แอ็คชั่น แต่เป็นการเดินทางสู่แก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดและความหวังในโลกที่สิ้นหวัง

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

  • สิ่งที่ชอบ:
    • การเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง: การสำรวจปูมหลังของฟูริโอซ่าทำให้ตัวละครนี้มีมิติและน่าเห็นใจมากขึ้น
    • การแสดงที่ยอดเยี่ยม: อันยา เทย์เลอร์-จอย และ คริส เฮมส์เวิร์ธ มอบการแสดงที่น่าจดจำและเป็นที่พูดถึง
    • การขยายโลกทัศน์: การเปิดเผยมุมมองใหม่ๆ ของดินแดนรกร้างทำให้จักรวาลนี้ดูสมบูรณ์และน่าติดตามยิ่งขึ้น
  • สิ่งที่ไม่ชอบ:
    • จังหวะของเรื่อง: บางช่วงของภาพยนตร์อาจรู้สึกช้าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความเร็วของ *Fury Road*
    • การใช้ CGI: ในบางฉาก การใช้เทคนิคพิเศษทางคอมพิวเตอร์ค่อนข้างเด่นชัด ซึ่งอาจขัดกับความรู้สึกสมจริงแบบดิบๆ ที่เป็นเสน่ห์ของภาคก่อน

บทสรุปและคะแนน

สรุปแล้ว รีวิว Furiosa มหากาพย์ Mad Max ที่ไม่ควรพลาด คือบทพิสูจน์ว่าจักรวาลนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้เล่าขาน แม้จะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ปฏิวัติวงการแอ็คชั่นได้อย่าง Fury Road แต่มันก็เป็นภาคต้นกำเนิดที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง และจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเติมเต็มตำนานของฟูริโอซ่า มันคือการผสมผสานระหว่างดราม่าสงครามอันโหดร้ายและแอ็คชั่นสุดเดือดได้อย่างลงตัว เป็นประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่จะทำให้ผู้ชมได้ดำดิ่งไปในโลกอันบ้าคลั่งนี้อย่างเต็มที่

คะแนน: 8.5/10

★★★★★★★★☆☆

มหากาพย์การเดินทางที่ดุเดือดและเจ็บปวด เติมเต็มตำนานนักรบหญิงแห่งดินแดนรกร้างได้อย่างสมศักดิ์ศรี แม้จังหวะจะแตกต่าง แต่ยังคงเป็นประสบการณ์ที่ต้องชมในโรงภาพยนตร์

คำแนะนำ (Recommendation)

ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับ:

  • แฟนตัวยงของจักรวาล Mad Max ที่ต้องการทราบเรื่องราวต้นกำเนิดของฟูริโอซ่า
  • ผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟที่มีงานสร้างยิ่งใหญ่และมีเอกลักษณ์
  • ผู้ที่มองหาภาพยนตร์ที่มีการพัฒนาตัวละครที่ลึกซึ้งและเรื่องราวดราม่าที่เข้มข้นควบคู่ไปกับฉากแอ็คชั่น

ท่ามกลางซากปรักหักพังของอารยธรรม ความหวังเป็นเพียงภาพลวงตา หรือเป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายที่มนุษย์เหลืออยู่?

บทความรีวิวมาใหม่