รีวิว Hierarchy: Elite เวอร์ชั่นเกาหลีที่ยังไม่ถึงใจ?

สารบัญรีวิว

ซีรีส์เกาหลี Hierarchy (วังวนสงครามชนชั้น) เปิดตัวบน Netflix ท่ามกลางความคาดหวังสูง ด้วยพล็อตที่ว่าด้วยเกมอำนาจและการล้างแค้นในโรงเรียนมัธยมสุดหรูสำหรับทายาทตระกูลแชโบลเพียง 0.01% ของประเทศ ทว่าคำถามสำคัญที่เกิดขึ้นหลังการรับชมคือ นี่เป็นการตีความใหม่ที่เฉียบคม หรือเป็นเพียงภาพสะท้อนที่จืดจางของซีรีส์รุ่นพี่อย่าง Elite และ The Glory? บทความนี้จะทำการวิเคราะห์เจาะลึกถึงโครงสร้างและสารที่ซ่อนอยู่ เพื่อตอบคำถามว่าทำไม รีวิว Hierarchy: Elite เวอร์ชั่นเกาหลีที่ยังไม่ถึงใจ? จึงกลายเป็นเสียงสะท้อนจากผู้ชมจำนวนมาก

ประเด็นสำคัญที่น่าจับตา

รีวิว Hierarchy: Elite เวอร์ชั่นเกาหลีที่ยังไม่ถึงใจ? - review-hierarchy-netflix-korean-drama

  • โครงเรื่องที่ขาดแรงขับเคลื่อน: แม้จะเปิดเรื่องด้วยปมล้างแค้นที่น่าสนใจ แต่การดำเนินเรื่องกลับขาดความเข้มข้นและพลังในการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะช่วงกลางเรื่องไปจนถึงบทสรุปที่ดูเร่งรัดและไม่สมเหตุสมผล
  • มิติตัวละครที่ผิวเผิน: แรงจูงใจของตัวละครหลัก ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความอิจฉา หรือการต่อสู้เพื่ออำนาจ กลับถูกนำเสนออย่างตื้นเขิน ขาดความลึกซึ้งทางอารมณ์ ทำให้ผู้ชมไม่สามารถเชื่อมโยงหรือเอาใจช่วยได้
  • สุนทรียศาสตร์ที่สวนทางกับแก่นเรื่อง: งานภาพ แฟชั่น และการออกแบบฉากมีความโดดเด่นและสวยงาม แต่กลับไม่สามารถชดเชยช่องโหว่ของบทภาพยนตร์และพัฒนาการของตัวละครได้ กลายเป็นเพียงเปลือกนอกที่สวยงามแต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
  • การวิพากษ์สังคมที่ไม่ถึงแก่น: ซีรีส์พยายามจะแตะประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำและอำนาจของชนชั้นสูง แต่กลับทำได้เพียงผิวเผิน ขาดความเฉียบคมในการวิพากษ์วิจารณ์โครงสร้างสังคมเมื่อเทียบกับซีรีส์เกาหลีแนวเดียวกันอย่าง Sky Castle

ภาพรวมและความรู้สึกแรก

Hierarchy บอกเล่าเรื่องราวของ คังฮา (รับบทโดย อีแชมิน) นักเรียนทุนที่ได้รับโอกาสให้เข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมจูชิน สถานศึกษาอันทรงเกียรติที่เปรียบเสมือนโลกจำลองของชนชั้นสูงเกาหลี การมาถึงของเขาผู้เป็น “คนนอก” ได้สร้างแรงกระเพื่อมและท้าทายระเบียบที่ควบคุมโดยกลุ่มนักเรียนทรงอิทธิพล นำโดย จองแจอี (รับบทโดย โนจองอี) และ คิมรีอัน (รับบทโดย คิมแจวอน) เบื้องหน้าคังฮาคือเด็กหนุ่มสดใส แต่เบื้องหลังเขาซ่อนเป้าหมายการล้างแค้นบางอย่างที่เกี่ยวพันกับความลับดำมืดของโรงเรียนแห่งนี้ ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสคือความหรูหราอลังการของงานสร้างและบรรยากาศที่กดดัน แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงเงาของซีรีส์เรื่องอื่นๆ ที่ทาบทับอยู่อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจว่าซีรีส์จะนำเสนอความแปลกใหม่หรือจะเดินตามรอยความสำเร็จเดิมๆ

บทวิเคราะห์เบื้องหลังม่านโรงเรียนจูชิน

การจะเข้าใจว่าทำไม รีวิว Hierarchy: Elite เวอร์ชั่นเกาหลีที่ยังไม่ถึงใจ? จึงเป็นความเห็นพ้องต้องกันในวงกว้าง จำเป็นต้องถอดรหัสองค์ประกอบต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นซีรีส์เรื่องนี้ ตั้งแต่โครงเรื่องที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลัง ไปจนถึงตัวละครและงานสร้างที่เปรียบเสมือนเลือดเนื้อและผิวหนัง

โครงเรื่อง: วังวนที่หมุนอย่างไร้ทิศทาง

ปัญหาหลักของ Hierarchy อยู่ที่การเล่าเรื่องที่ขาดความเฉียบคมและจังหวะที่ผิดเพี้ยน ซีรีส์ใช้เวลาถึง 7 ตอนในการปูทางไปสู่บทสรุป แต่กลับล้มเหลวในการสร้างความตึงเครียดหรือความน่าติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังผ่านตอนที่สามไป พลังของเรื่องก็เริ่มแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด ปมการล้างแค้นซึ่งควรจะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเรื่องราว กลับถูกบอกเล่าอย่างไม่สมบูรณ์และขาดน้ำหนัก ทำให้ภารกิจของตัวเอกอย่างคังฮาดูไม่มีเดิมพันที่สูงพอให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปกับเขา

บทสรุปของเรื่องเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าผิดหวัง การคลี่คลายปมปัญหาต่างๆ เป็นไปอย่างรวบรัดและง่ายดายเกินไป ขาดจุดไคลแม็กซ์ที่ทรงพลังและน่าจดจำ ทำให้ความอดทนของผู้ชมที่ติดตามมาตลอด 7 ตอนสูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย โครงสร้างที่ควรจะเป็น “วังวนสงครามชนชั้น” กลับกลายเป็นเพียงแอ่งน้ำนิ่งที่ไร้คลื่นลมอันน่าสะพรึงกลัว

ตัวละคร: หุ่นเชิดในเกมที่ไร้เดิมพัน

แม้จะได้นักแสดงที่มีเสน่ห์มารับบท แต่การเขียนบทตัวละครกลับเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ฉุดรั้งซีรีส์ทั้งเรื่อง ตัวละครส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นจากภาพจำสำเร็จรูป (stereotype) ของเด็กบ้านรวยที่เอาแต่ใจและใช้อำนาจในทางที่ผิด แรงจูงใจของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นความอิจฉา การแก่งแย่งชิงดี หรือการโหยหาอำนาจ ถูกนำเสนออย่างผิวเผินและขาดความซับซ้อนทางจิตวิทยา

ตัวละครเอกอย่าง คังฮา ที่ควรจะเป็นศูนย์กลางของเรื่องราว กลับมีพัฒนาการที่หยุดชะงักและไม่สมบูรณ์ เป้าหมายการล้างแค้นของเขาดูคลุมเครือและขาดพลังทางอารมณ์ ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship) ระหว่างตัวละครกลับถูกนำเสนอในเชิงโรแมนติกมากกว่าที่จะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้สารที่ซีรีส์ต้องการจะสื่อเกี่ยวกับผลกระทบของอำนาจและความเหลื่อมล้ำนั้นเจือจางลงไป พวกเขากลายเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกจับวางให้ทำตามบทบาท มากกว่าที่จะเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตและเลือดเนื้อจริงๆ

งานสร้าง: ความงามที่ซ่อนความว่างเปล่า

หากจะมีสิ่งใดที่ Hierarchy ทำได้ดี ก็คงเป็นเรื่องของงานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ การออกแบบฉากโรงเรียนจูชินให้มีความหรูหราโอ่อ่า เสื้อผ้าหน้าผมของตัวละครที่สะท้อนถึงสถานะทางสังคม และการถ่ายทำที่เน้นภาพสวยงาม ล้วนเป็นจุดแข็งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ สุนทรียศาสตร์ของซีรีส์มีความโดดเด่นและน่ามอง ทำให้โลกของชนชั้นสูง 0.01% ดูน่าเชื่อถือและจับต้องได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ความงามทางภาพเหล่านี้กลับกลายเป็นดาบสองคม เมื่อมันไม่สามารถกลบเกลื่อนความอ่อนแอของบทภาพยนตร์ได้ ในบางครั้ง เทคนิคการนำเสนอภาพที่ดู “ทดลอง” หรือ “เหนือจริง” เกินไป กลับสร้างความสับสนและทำให้ผู้ชมหลุดออกจากเรื่องราว แทนที่จะช่วยเสริมสร้างอารมณ์หรือความหมายแฝง มันจึงเป็นเหมือนการนำเสนอเปลือกที่สวยงามไร้ที่ติ แต่เนื้อในกลับกลวงโบ๋และว่างเปล่า

ตารางเปรียบเทียบมิติการวิพากษ์สังคมและโครงเรื่องระหว่าง Hierarchy และซีรีส์แนวเดียวกัน
องค์ประกอบ Hierarchy (2024) Elite (2018) Sky Castle (2018)
การวิพากษ์สังคม ผิวเผิน, ขาดความลึก ตรงไปตรงมา, เน้นประเด็นหลากหลาย ลึกซึ้ง, เสียดสีโครงสร้างการศึกษา
ความลึกของตัวละคร ตื้นเขิน, เป็นภาพจำ ซับซ้อน, มีด้านสีเทา มีมิติ, แรงจูงใจสมจริง
การดำเนินเรื่อง ช้า, ขาดจุดพีค, จบไม่น่าพอใจ รวดเร็ว, น่าติดตาม, มีจุดหักมุม ตึงเครียด, ค่อยๆ สร้างแรงกดดัน
เอกลักษณ์ งานภาพและแฟชั่นโดดเด่น ความแรง, ปมฆาตกรรม, ประเด็นทางเพศ การเสียดสีสังคมชั้นสูงอย่างชาญฉลาด

เมื่อสัญญะทำงานผิดพลาด: ฉากที่น่าจดจำ (ในแง่ลบ)

มีฉากหนึ่งที่สะท้อนปัญหาการใช้ภาพเพื่อเล่าเรื่องของซีรีส์ได้เป็นอย่างดี คือฉากการเผชิญหน้าระหว่างคังฮาและรีอันกลางโรงอาหารที่ควรจะเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ผู้สร้างกลับเลือกใช้ภาพสโลว์โมชันพร้อมกับภาพสัญญะที่ดูแปลกแยก เช่น ภาพผีเสื้อที่บินว่อน หรือเศษแก้วที่แตกกระจายอย่างไม่มีที่มาที่ไป แทนที่ภาพเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความขัดแย้งภายในใจของตัวละคร มันกลับสร้างความรู้สึกแปลกแยกและทำให้ผู้ชมตั้งคำถามถึงความจำเป็นของมัน เป็นความพยายามที่จะสร้างศิลปะแต่กลับล้มเหลวในการสื่อสารอารมณ์แกนกลางของฉากนั้นๆ

ความงามที่ปราศจากความหมาย ก็ไม่ต่างอะไรจากร่างกายที่ไร้วิญญาณ

แก่นที่หล่นหายระหว่างทาง: สิ่งที่พบและสิ่งที่ไม่เห็น

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

  • สิ่งที่พบ (จุดแข็ง):
    • งานภาพและโปรดักชัน: คุณภาพงานสร้างอยู่ในระดับสูง ทั้งฉาก เสื้อผ้า และการกำกับภาพมีความสวยงามน่าประทับใจ
    • เคมีของนักแสดง: แม้บทจะอ่อน แต่ทีมนักแสดงนำ โดยเฉพาะคู่ของ จองแจอี และ คิมรีอัน ยังคงมีเคมีที่น่าสนใจและดึงดูดสายตาได้ในบางฉาก
    • บรรยากาศของโลกชนชั้นสูง: สามารถสร้างบรรยากาศของความกดดัน การแข่งขัน และความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้เปลือกของความหรูหราได้ดีในระดับหนึ่ง
  • สิ่งที่ไม่เห็น (จุดอ่อน):
    • บทที่เฉียบคม: ขาดบทสนทนาที่น่าจดจำและโครงเรื่องที่แข็งแรงพอจะทำให้ผู้ชมติดตามไปจนจบ
    • พัฒนาการตัวละครที่น่าเชื่อถือ: ตัวละครส่วนใหญ่ไม่มีการเติบโตหรือเปลี่ยนแปลงที่สมเหตุสมผล ทำให้เรื่องราวดูหยุดนิ่ง
    • การวิพากษ์สังคมที่ทรงพลัง: ประเด็นเรื่องชนชั้นที่ปูมาอย่างดีในช่วงต้น ไม่ถูกนำไปขยี้ต่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงพอ

บทสรุป: ปราสาททรายที่ไม่ต้านทานคลื่น

โดยสรุปแล้ว Hierarchy (วังวนสงครามชนชั้น) คือความพยายามที่จะสร้างซีรีส์แนวโรงเรียนชนชั้นสูงตามสูตรสำเร็จ แต่กลับล้มเหลวในการสร้างเอกลักษณ์และความลุ่มลึกของตนเอง มันเป็นเหมือนปราสาททรายที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงามบนชายหาด แต่โครงสร้างภายในกลับอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานคลื่นแห่งการวิจารณ์และเทียบเคียงกับผลงานชิ้นเอกก่อนหน้าได้ ซีรีส์มอบความบันเทิงทางสายตา แต่ทิ้งความรู้สึกว่างเปล่าและน่าผิดหวังไว้ในใจเมื่อเรื่องราวได้จบลง มันคือภาพสะท้อนที่จืดจางของ Elite ที่ขาดทั้งความกล้า ความแรง และความเฉียบคมในการตีแผ่ประเด็นทางสังคม

คะแนน (Score)

5/10
★★★★★★★★★★

งานภาพสวยงามแต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ เป็นความพยายามที่น่าผิดหวังในการเจาะลึกประเด็นสงครามชนชั้น

คำแนะนำ: ใครคือผู้ชมของ Hierarchy?

ซีรีส์เรื่องนี้อาจเหมาะสำหรับผู้ชมที่ให้ความสำคัญกับสุนทรียศาสตร์ทางภาพเป็นอันดับแรก ผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่น นักแสดงหน้าตาดี และฉากที่สวยงาม อาจจะเพลิดเพลินกับสิ่งที่ซีรีส์นำเสนอได้ แต่สำหรับผู้ชมที่มองหาเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ตัวละครที่มีมิติซับซ้อน และการวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างถึงแก่น อาจจะต้องมองข้ามเรื่องนี้ไป และหันกลับไปหาตัวเลือกอื่นอย่าง Sky Castle, The Glory หรือแม้กระทั่ง Elite เวอร์ชั่นต้นฉบับ

ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวของ Hierarchy ได้ทิ้งคำถามเชิงปรัชญาไว้ให้ขบคิดว่า: เมื่อระบบคุณค่าถูกสร้างขึ้นเพื่อคนเพียงหยิบมือ ความยุติธรรมที่แท้จริงจะยังมีที่ยืนอยู่อีกหรือไม่?

บทความรีวิวมาใหม่