รีวิว Hit Man หนังนักฆ่าสุดปั่นจาก Netflix น่าดูไหม?
ภาพยนตร์เรื่อง Hit Man หรือในชื่อไทย “นักฆ่าน่าหลอก” ได้สร้างกระแสความสนใจอย่างล้นหลามบนแพลตฟอร์ม Netflix ด้วยการนำเสนอเรื่องราวที่ผสมผสานระหว่างความตลกขบขัน, ความโรแมนติก และความระทึกขวัญในแบบฉบับฟิล์มนัวร์ได้อย่างมีชั้นเชิง การสำรวจประเด็นเรื่องตัวตนและบทบาทที่มนุษย์สวมใส่ในสังคมผ่านเรื่องราวของศาสตราจารย์จิตวิทยาผู้กลายมาเป็นนักฆ่าตัวปลอม ทำให้เกิดคำถามว่า รีวิว Hit Man หนังนักฆ่าสุดปั่นจาก Netflix น่าดูไหม? บทความนี้จะทำการวิเคราะห์เจาะลึกถึงองค์ประกอบต่างๆ ของภาพยนตร์ เพื่อตอบคำถามว่าทำไมผลงานชิ้นนี้ถึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ชาญฉลาดและสนุกสนานที่สุดแห่งปี
ประเด็นสำคัญจากภาพยนตร์
- การสำรวจตัวตนที่ซับซ้อน: ภาพยนตร์ใช้สถานการณ์สุดโต่งของตัวละครหลักในการตั้งคำถามเชิงปรัชญาว่า ตัวตนที่แท้จริงคืออะไร และมนุษย์สามารถสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ผ่านการแสดงบทบาทได้หรือไม่
- การผสมผสานแนวหนังที่ลงตัว: Hit Man ประสบความสำเร็จในการหลอมรวมองค์ประกอบของหนังรอมคอม, ทริลเลอร์, และฟิล์มนัวร์เข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อม สร้างประสบการณ์การรับชมที่สดใหม่และคาดเดาได้ยาก
- การแสดงที่โดดเด่นของ Glen Powell: Glen Powell ไม่เพียงแต่นำแสดง แต่ยังร่วมเขียนบท ทำให้เขาสามารถถ่ายทอดมิติของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ศาสตราจารย์ผู้เงียบขรึมไปจนถึงนักฆ่าเจ้าเสน่ห์
- บทภาพยนตร์ที่เฉียบแหลม: บทสนทนาที่คมคายและมีไหวพริบเป็นหัวใจหลักของเรื่อง ซึ่งสะท้อนแนวทางการกำกับของ Richard Linklater ที่เน้นความสัมพันธ์ของตัวละครผ่านบทสนทนาที่ลึกซึ้ง
Hit Man คือภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องของ แกรี จอห์นสัน (Glen Powell) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและปรัชญาผู้มีชีวิตเรียบง่ายและดูน่าเบื่อในสายตาคนทั่วไป เขารักการดูนกและอาศัยอยู่กับแมวสองตัว แต่ชีวิตของเขาพลิกผันเมื่อต้องมารับงานพิเศษช่วยตำรวจเมืองนิวออร์ลีนส์ โดยการปลอมตัวเป็นนักฆ่ารับจ้างเพื่อล่อจับผู้ที่ต้องการว่าจ้างฆ่าคน แกรีค้นพบว่าตนเองมีพรสวรรค์ในการสวมบทบาทเป็นนักฆ่าในบุคลิกต่างๆ เพื่อให้เข้ากับจิตวิทยาของผู้ว่าจ้างแต่ละราย
สถานการณ์เริ่มซับซ้อนขึ้นเมื่อเขาได้พบกับ เมดิสัน (Adria Arjona) หญิงสาวที่ต้องการจ้างเขาให้สังหารสามีที่ชอบใช้ความรุนแรง แต่แทนที่จะดำเนินการตามแผนจับกุม แกรีในบทบาท “รอน” นักฆ่ามาดเท่ กลับเกิดความรู้สึกเห็นใจและแนะนำให้เธอใช้เงินนั้นเริ่มต้นชีวิตใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่าง “รอน” และเมดิสันได้ถลำลึกเกินกว่าแค่เรื่องงาน และเส้นแบ่งระหว่างตัวตนจริงของแกรีกับบทบาทนักฆ่าที่เขาสร้างขึ้นก็เริ่มเลือนลาง นำไปสู่สถานการณ์อันตรายที่เขาต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์จากการกระทำของตนเอง
การวิเคราะห์เชิงลึก: เมื่อบทบาทกลืนกินตัวตน

แก่นกลางของ Hit Man ไม่ได้อยู่ที่ภารกิจปลอมตัวเป็นนักฆ่า แต่อยู่ที่การสำรวจสภาวะทางจิตใจของมนุษย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง “ตัวตน” (Self) และ “อัตลักษณ์” (Identity) ผ่านการเดินทางของแกรี จอห์นสัน จากศาสตราจารย์ที่ดูเหมือนจะพอใจกับชีวิตที่คาดเดาได้ ไปสู่การค้นพบด้านมืดและความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจของตนเองผ่านการสวมบทบาทเป็นคนอื่น
“มนุษย์เราอาจไม่ได้ถูกกำหนดโดยกำเนิด แต่ถูกสร้างขึ้นจากทางเลือกและการกระทำที่เราแสดงออกในแต่ละวัน”
ตัวละคร “รอน” ที่แกรีสร้างขึ้น ไม่ใช่แค่การปลอมตัว แต่เป็นตัวตนในอุดมคติที่เขาสร้างขึ้นมา—เป็นคนที่มีความมั่นใจ กล้าหาญ และใช้ชีวิตอย่างอิสระ สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อเขาใช้ชีวิตในฐานะรอนมากขึ้น เขาก็เริ่มนำคุณสมบัติเหล่านั้นเข้ามาสู่ชีวิตจริงของแกรี ภาพยนตร์แสดงให้เห็นว่าการ “แสดง” บทบาทใดบทบาทหนึ่งซ้ำๆ อาจส่งผลให้บทบาทนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนที่แท้จริงได้ สิ่งนี้สะท้อนแนวคิดทางจิตวิทยาที่ว่าพฤติกรรมสามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความคิดภายในได้
โครงสร้างบทภาพยนตร์และการเล่าเรื่อง
บทภาพยนตร์ซึ่งเขียนโดย Richard Linklater และ Glen Powell เอง มีความโดดเด่นในด้านความเฉียบคมและสมดุล บทสนทนาเต็มไปด้วยไหวพริบและอารมณ์ขันที่แฝงไปด้วยนัยเชิงปรัชญา ทำให้ผู้ชมทั้งสนุกสนานและได้ขบคิดไปพร้อมกัน การเล่าเรื่องมีความลื่นไหล แม้ว่าบางช่วงอาจดูเนิบช้าเพื่อสร้างพัฒนาการของตัวละคร แต่ก็ไม่เคยทำให้รู้สึกน่าเบื่อ หนังค่อยๆ สร้างความตึงเครียดและความซับซ้อนของสถานการณ์ขึ้นทีละน้อย จนถึงจุดไคลแม็กซ์ที่คาดไม่ถึง
สิ่งที่ทำให้บทภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างคือการที่มันไม่ได้ตัดสินตัวละคร แต่ปล่อยให้ผู้ชมตีความการกระทำและแรงจูงใจของพวกเขาเอง เส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วในเรื่องนี้พร่ามัว ตัวละครทุกตัวมีเหตุผลในการกระทำของตนเอง ซึ่งทำให้เรื่องราวมีความสมจริงและชวนให้ติดตาม
การแสดงและเคมีของนักแสดง
Glen Powell คือหัวใจและจิตวิญญาณของภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงจาก แกรี ศาสตราจารย์ผู้เงอะงะ ไปสู่ รอน นักฆ่าผู้เยือกเย็นและมีเสน่ห์ได้อย่างไร้ที่ติ ความสามารถในการสลับบทบาทไปมาอย่างรวดเร็วของเขาเป็นสิ่งที่น่าทึ่งและสร้างเสียงหัวเราะได้ตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนักฆ่าสไตล์รัสเซียที่ดูโหดเหี้ยม หรือนักฆ่ามาดผู้ดีอังกฤษที่ดูจิตๆ Powell ทำให้ทุกตัวละครที่เขาสวมบทบาทมีความน่าเชื่อถือ
ในขณะเดียวกัน Adria Arjona ในบทเมดิสันก็ไม่ได้เป็นเพียง “หญิงสาวข้างกายนางเอก” หรือ “Femme Fatale” ตามแบบฉบับฟิล์มนัวร์ทั่วไป เธอแสดงให้เห็นถึงความเปราะบาง ความแข็งแกร่ง และความสับสนในใจของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม เคมีระหว่างเธอกับ Powell นั้นร้อนแรงและเป็นธรรมชาติ ทำให้ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและอันตรายของทั้งคู่เป็นสิ่งที่ผู้ชมเชื่อและเอาใจช่วย
งานสร้างและองค์ประกอบทางศิลป์
การกำกับของ Richard Linklater ยังคงไว้ซึ่งลายเซ็นของเขา นั่นคือการให้ความสำคัญกับตัวละครและการเล่าเรื่องที่ขับเคลื่อนด้วยบทสนทนา แม้ Hit Man จะมีความเป็นหนังกระแสหลักมากกว่าผลงานเรื่องก่อนๆ ของเขา แต่ Linklater ก็ยังสามารถสอดแทรกประเด็นเชิงลึกและความเป็นธรรมชาติเข้าไปในเรื่องราวได้อย่างลงตัว
งานภาพในเรื่องใช้เมืองนิวออร์ลีนส์เป็นฉากหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยความลึกลับและสีสันช่วยเสริมโทนของเรื่องราวได้เป็นอย่างดี การออกแบบเครื่องแต่งกายและการสร้างบุคลิกของ “นักฆ่า” แต่ละเวอร์ชันที่แกรีสวมบทบาทนั้นทำได้อย่างสร้างสรรค์และน่าจดจำ ดนตรีประกอบก็มีส่วนสำคัญในการสร้างอารมณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่จังหวะที่สนุกสนานไปจนถึงช่วงเวลาที่ตึงเครียด
| องค์ประกอบ | การวิเคราะห์ | คะแนน (เต็ม 10) |
|---|---|---|
| โครงเรื่องและบท | บทภาพยนตร์มีความเฉียบแหลม คมคาย และผสมผสานแนวทางที่หลากหลายได้อย่างลงตัว มีการสำรวจประเด็นเชิงลึกแต่ยังคงความบันเทิงไว้ได้ | 9.5 |
| การแสดง | Glen Powell มอบการแสดงที่น่าจดจำและหลากหลายมิติ เคมีกับ Adria Arjona เป็นธรรมชาติและทรงพลัง นักแสดงสมทบทำหน้าที่ได้ดี | 9.5 |
| งานสร้างและกำกับ | การกำกับของ Richard Linklater มีชั้นเชิง ทำให้เรื่องราวที่ซับซ้อนดูง่ายและน่าติดตาม งานภาพและดนตรีประกอบช่วยเสริมบรรยากาศได้ดี | 9.0 |
| ความบันเทิง | เป็นภาพยนตร์ที่สนุก ดูเพลิน มีทั้งฉากตลก โรแมนติก และตื่นเต้น ครบรส เหมาะสำหรับผู้ชมในวงกว้าง | 9.0 |
สิ่งที่โดดเด่นและสิ่งที่น่าพิจารณา
แม้ภาพยนตร์จะได้รับคำชมอย่างกว้างขวาง แต่ก็มีบางประเด็นที่อาจเป็นข้อสังเกตสำหรับผู้ชมบางกลุ่ม การผสมผสานหลายแนวทางเข้าด้วยกันอาจทำให้โทนของเรื่องไม่สม่ำเสมอในบางครั้ง และพล็อตในช่วงท้ายอาจคาดเดาได้สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของภาพยนตร์ก็สามารถกลบข้อสังเกตเหล่านี้ไปได้เกือบทั้งหมด
- สิ่งที่โดดเด่น:
- การแสดงที่น่าทึ่งของ Glen Powell ในการสวมบทบาทที่หลากหลาย
- บทสนทนาที่คมคายและเต็มไปด้วยอารมณ์ขันที่ชาญฉลาด
- การตั้งคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติของตัวตนและอัตลักษณ์ได้อย่างน่าสนใจ
- เคมีที่ลงตัวระหว่างนักแสดงนำทั้งสอง
- สิ่งที่น่าพิจารณา:
- จังหวะการเล่าเรื่องในช่วงกลางอาจช้าลงเล็กน้อย
- การคลี่คลายปมในช่วงท้ายอาจดูรวบรัดสำหรับบางคน
บทสรุป: Hit Man น่าดูหรือไม่?
สรุปแล้ว รีวิว Hit Man หนังนักฆ่าสุดปั่นจาก Netflix น่าดูไหม? คำตอบคือ “น่าดูอย่างยิ่ง” ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นมากกว่าหนังรอมคอมทั่วไป มันคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความบันเทิงและความลุ่มลึกทางความคิด เป็นผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นว่าภาพยนตร์กระแสหลักก็สามารถนำเสนอประเด็นที่ซับซ้อนได้อย่างชาญฉลาดและสนุกสนาน Hit Man คือภาพยนตร์ที่มอบทั้งเสียงหัวเราะ ความตื่นเต้น ความโรแมนติก และทิ้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับชีวิตให้ผู้ชมได้ขบคิดต่อ
คะแนนโดยรวม
★
★
★
★
★
★
★
★
★
9/10
ผลงานที่ผสมผสานความตลกขบขันและความลุ่มลึกทางปรัชญาได้อย่างยอดเยี่ยม ขับเคลื่อนด้วยการแสดงอันน่าทึ่งและบทภาพยนตร์ที่ชาญฉลาด ทำให้ Hit Man เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ต้องชมแห่งปี
คำแนะนำในการรับชม
ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับ:
- ผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์ที่ผสมผสานหลายแนวทาง โดยเฉพาะแนว Romantic Comedy-Thriller
- แฟนผลงานของผู้กำกับ Richard Linklater และนักแสดง Glen Powell
- ผู้ที่มองหาภาพยนตร์ที่ให้ทั้งความบันเทิงและมีประเด็นให้ขบคิดต่อหลังดูจบ
- คนที่สนใจในประเด็นทางจิตวิทยาและปรัชญาเกี่ยวกับตัวตนและอัตลักษณ์
หากการเป็นตัวของตัวเองคือการสวมบทบาทที่เราเลือกเอง แล้วตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นมีอยู่จริงหรือไม่?
