ai generated 149

รีวิว Under Paris หนังฉลามสุดระทึกที่ฮิตถล่มทลาย Netflix

ภาพยนตร์แนวฉลามมักจะพาเราดำดิ่งสู่ความเวิ้งว้างของมหาสมุทร แต่ Under Paris หรือในชื่อไทย คลั่งลึกใต้ปารีส ได้ฉีกขนบเดิมๆ ด้วยการนำเพชฌฆาตแห่งท้องทะเลมาแหวกว่ายอยู่ใจกลางมหานครที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บทความนี้จะทำการ รีวิว Under Paris หนังฉลามสุดระทึกที่ฮิตถล่มทลาย Netflix โดยไม่เพียงแค่สำรวจความระทึกขวัญบนผิวน้ำ แต่จะดำลึกลงไปถึงแก่นสารที่ซ่อนอยู่ใต้เกลียวคลื่นของแม่น้ำแซน เพื่อค้นหาว่าเหตุใดภาพยนตร์เรื่องนี้จึงสามารถสร้างปรากฏการณ์และกระตุ้นบทสนทนาในหมู่ผู้ชมทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว

ประเด็นสำคัญที่ซ่อนอยู่ใน Under Paris

รีวิว Under Paris หนังฉลามสุดระทึกที่ฮิตถล่มทลาย Netflix - review-under-paris-netflix-shark-movie

  • ธรรมชาติปะทะมหานคร: ภาพยนตร์นำเสนอภาพความขัดแย้งระหว่างธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้ (ฉลามยักษ์) กับความพยายามของมนุษย์ที่จะจัดระเบียบทุกสิ่ง (มหานครปารีส) สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของอารยธรรมมนุษย์เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่แท้จริงของธรรมชาติ
  • เสียงเตือนที่ถูกเพิกเฉย: ตัวละครนักวิทยาศาสตร์เป็นตัวแทนของเหตุผลและข้อมูลเชิงประจักษ์ ที่ต้องต่อสู้กับระบบราชการและการเมืองซึ่งให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่าความปลอดภัย นี่คือภาพสะท้อนของวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมในโลกแห่งความจริง
  • วิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอด: การที่ฉลาม “ลิลิธ” สามารถปรับตัวให้อยู่ในน้ำจืดและขยายพันธุ์ได้ด้วยตัวเอง (Parthenogenesis) ไม่ใช่แค่จินตนาการเพื่อความบันเทิง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการปรับตัวของธรรมชาติเพื่อตอบโต้การกระทำของมนุษย์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
  • ความเย่อหยิ่งของมนุษย์: หนังวิพากษ์ความเชื่อมั่นจนเกินพอดีของมนุษย์ ทั้งจากฝั่งนักการเมืองที่คิดว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ และจากฝั่งนักเคลื่อนไหวที่เชื่อว่าจะสื่อสารกับธรรมชาติได้อย่างใสซื่อ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็นำไปสู่หายนะที่ไม่อาจคาดเดา

ภาพรวมและความรู้สึกแรก

Under Paris เปิดฉากด้วยความสูญเสียที่สร้างบาดแผลลึกให้กับ โซเฟีย (เบเรนิซ เบโฆ) นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลผู้ทุ่มเทให้กับการศึกษาฉลาม สามปีต่อมา บาดแผลนั้นถูกสะกิดอีกครั้งเมื่อมีรายงานการปรากฏตัวของฉลามมาโก้ขนาดมหึมานามว่า “ลิลิธ” ในแม่น้ำแซน กลางกรุงปารีสที่กำลังจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันไตรกีฬาระดับโลก พล็อตเรื่องที่ดูเหมือนจะเดินตามสูตรสำเร็จของหนังแนวสัตว์ประหลาดอาละวาด กลับสร้างความโดดเด่นด้วยการเปลี่ยนสมรภูมิจากทะเลเปิดมาสู่แม่น้ำที่ไหลผ่านสัญลักษณ์ของอารยธรรมมนุษย์ ความรู้สึกแรกหลังชมคือความตึงเครียดที่ถูกบีบคั้นอย่างต่อเนื่อง หนังไม่ได้ขายแค่ฉากตื่นเต้นเร้าใจ แต่ยังสอดแทรกคำถามเชิงจริยธรรมและเสียดสีการทำงานของระบบที่มักมองข้ามคำเตือนทางวิทยาศาสตร์จนกว่าหายนะจะมาเยือนหน้าประตู

บทวิจารณ์เชิงลึก

การวิเคราะห์ Under Paris ต้องมองผ่านชั้นของความระทึกขวัญเข้าไปให้ถึงเจตนาที่ผู้สร้างต้องการสื่อสาร ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ “ฉลาม” เป็นมากกว่าแค่สัตว์ร้าย แต่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่เผยให้เห็นถึงรอยร้าวในสังคมมนุษย์ ทั้งความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์กับการเมือง ความเห็นแก่ตัวที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากของผลประโยชน์ส่วนรวม และความล้มเหลวในการรับมือกับวิกฤตที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์เอง

โครงเรื่องและบท (Script & Plot)

จุดแข็งที่สุดของบทภาพยนตร์คือการเลือกฉากหลังเป็นกรุงปารีส การตัดสินใจนี้ยกระดับพล็อตเรื่องให้มีความน่าสนใจมากกว่าหนังฉลามทั่วไป แม่น้ำแซนที่ขุ่นมัวกลายเป็นพื้นที่ปิดตายที่สร้างความอึดอัดและคาดเดาไม่ได้ การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างรวดเร็ว กระชับ และเต็มไปด้วยสถานการณ์ที่บีบคั้นให้ตัวละครต้องตัดสินใจภายใต้แรงกดดันมหาศาล อย่างไรก็ตาม บทภาพยนตร์ยังมีจุดที่สามารถตั้งคำถามได้ในเรื่องความสมเหตุสมผลของการกระทำของตัวละครบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนหายนะมากกว่าจะสะท้อนอุดมการณ์อย่างลึกซึ้ง

สิ่งที่น่าสนใจคือการผูกปมเรื่องเข้ากับปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมลภาวะในทะเล ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉลามลิลิธกลายพันธุ์และต้องอพยพเข้ามาในแม่น้ำ ประเด็นนี้ทำให้หนังมีมิติมากกว่าแค่การไล่ล่า แต่เป็นการเตือนว่าผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์อาจย้อนกลับมาในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง ตอนจบของเรื่องที่หลายคนวิจารณ์ว่า “เล่นใหญ่เกินจริง” นั้น ในอีกมุมหนึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการจงใจนำเสนอภาพของหายนะขั้นสูงสุด เพื่อตอกย้ำถึงผลลัพธ์ของการเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนภัยมาโดยตลอด มันคือบทสรุปที่ท้าทายผู้ชมให้คิดว่า หากเรายังคงดำเนินชีวิตแบบเดิม โลกในอนาคตอาจไม่ต่างจากภาพสุดท้ายที่หนังทิ้งไว้

การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)

เบเรนิซ เบโฆ ในบท โซเฟีย สามารถถ่ายทอดบทบาทของนักวิทยาศาสตร์ที่แบกรับความเจ็บปวดจากอดีตและความรับผิดชอบต่อปัจจุบันได้อย่างน่าเชื่อถือ แววตาของเธอสะท้อนความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับระบบที่ไม่รับฟัง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะป้องกันโศกนาฏกรรม ตัวละครของเธอเป็นเสมือนเสียงแห่งเหตุผลท่ามกลางความโกลาหล และเป็นศูนย์กลางทางอารมณ์ของเรื่องราวทั้งหมด

ในขณะที่ตัวละครสมทบอย่าง อาดิล ผู้บัญชาการตำรวจน้ำ และนายกเทศมนตรีกรุงปารีส ก็ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของขั้วตรงข้ามได้อย่างชัดเจน อาดิลคือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งแต่ก็พร้อมจะยืดหยุ่นเมื่อสถานการณ์บีบบังคับ ส่วนนายกเทศมนตรีคือภาพสะท้อนของนักการเมืองที่ยึดติดกับภาพลักษณ์และกำหนดการมากกว่าชีวิตของผู้คน ความสัมพันธ์และความขัดแย้งระหว่างสามตัวละครนี้ขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้าและสะท้อนให้เห็นถึงกลไกการตัดสินใจในภาวะวิกฤตที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยเดิมพัน

งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)

ผู้กำกับ เซเวียร์ เกนส์ (Xavier Gens) แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการสร้างบรรยากาศที่กดดันและตึงเครียด งานภาพโดดเด่นในการใช้มุมกล้องใต้น้ำที่ขุ่นมัว สร้างความรู้สึกหวาดระแวงและมองไม่เห็นภัยคุกคามที่อาจซ่อนอยู่เบื้องล่าง การออกแบบฉากแอ็กชันทำได้อย่างดุดันและสมจริง โดยเฉพาะฉากการไล่ล่าในแม่น้ำแซนที่ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่คับแคบได้อย่างเต็มที่

งานสร้างด้านเทคนิคพิเศษ (CGI) ในการสร้างฉลามลิลิธถือว่าทำได้ในระดับมาตรฐาน อาจไม่สมบูรณ์แบบในทุกช็อต แต่ก็สามารถสร้างความน่าเกรงขามและอันตรายของมันได้เป็นอย่างดี ดนตรีประกอบมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเร่งเร้าอารมณ์และสร้างจังหวะของความระทึกขวัญ เสียงที่เงียบสงบก่อนการโจมตีแต่ละครั้งสร้างความกดดันทางจิตใจให้กับผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรวมแล้ว งานสร้างของ Under Paris อยู่ในระดับที่น่าพอใจและสามารถตอบสนองความคาดหวังของภาพยนตร์แนวนี้ได้เป็นอย่างดี

ฉาก/ไฮไลต์ที่น่าจดจำ (Memorable Moments)

ฉากที่น่าจดจำและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดคือฉากในสุสานใต้ดินคาตาโคมส์ (Catacombs) กลุ่มนักเคลื่อนไหวรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์แต่ขาดความเฉลียวใจ ได้นำทางฉลามลิลิธเข้าไปในพื้นที่ปิดตายแห่งนี้ด้วยความตั้งใจที่จะพิสูจน์ให้โลกเห็นว่ามันไม่เป็นอันตราย ฉากนี้คือการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างความเชื่อในอุดมคติกับสัญชาตญาณดิบของสัตว์ร้าย บรรยากาศที่มืดมิด คับแคบ และเต็มไปด้วยหัวกะโหลกมนุษย์นับล้าน กลายเป็นเวทีมรณะที่สมบูรณ์แบบ มันเป็นฉากที่สะท้อนถึงความโง่เขลาอันน่าเศร้าของมนุษย์ที่พยายามจะควบคุมหรือทำความเข้าใจธรรมชาติด้วยมุมมองของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว และผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือความวินาศสันตะโรที่โหดร้ายและสาสม

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

  • สิ่งที่ชอบ:
    • แนวคิดและสถานที่: การนำฉลามมาไว้ในแม่น้ำแซนเป็นความคิดที่สดใหม่และสร้างสรรค์ ทำให้ภาพยนตร์มีความโดดเด่นและน่าจดจำ
    • ประเด็นเชิงสัญลักษณ์: หนังประสบความสำเร็จในการใช้ฉลามเป็นสัญลักษณ์แทนภัยธรรมชาติที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ และวิพากษ์วิจารณ์สังคมได้อย่างเฉียบคม
    • ความระทึกขวัญที่ต่อเนื่อง: ภาพยนตร์สามารถสร้างและรักษาบรรยากาศของความตึงเครียดได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ มีฉากที่ทำให้ผู้ชมต้องลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้
  • สิ่งที่ไม่ชอบ:
    • การตัดสินใจของตัวละคร: ตัวละครบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มนักเคลื่อนไหว มีการกระทำที่ดูไม่สมเหตุสมผลและดูเหมือนถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างหายนะเท่านั้น
    • ตอนจบที่แตกแยก: แม้จะสามารถตีความในเชิงสัญลักษณ์ได้ แต่ตอนจบที่ขยายสเกลความเสียหายไปไกลเกินคาด อาจทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกว่ามันหลุดออกจากโทนเรื่องที่ปูมาและขาดความน่าเชื่อถือ
ตารางสรุปการวิเคราะห์ภาพยนตร์ Under Paris ในมิติต่างๆ
องค์ประกอบ การวิเคราะห์ คะแนน
โครงเรื่องและบท แนวคิดสดใหม่น่าสนใจ แต่มีช่องโหว่ในด้านความสมเหตุสมผลของตัวละครบางส่วน ตอนจบสร้างผลกระทบแต่ก็อาจดูเกินจริงไปบ้าง 7/10
การแสดงและตัวละคร เบเรนิซ เบโฆ ถ่ายทอดบทนำได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวละครสมทบทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในการเป็นตัวแทนของกลุ่มความคิดต่างๆ 8/10
งานสร้างและเทคนิค งานกำกับและภาพทำได้น่าประทับใจ สร้างบรรยากาศกดดันได้ดี CGI อยู่ในระดับมาตรฐาน ดนตรีประกอบช่วยเสริมอารมณ์ได้มาก 7/10
ความบันเทิงและสาระ เป็นหนังที่ดูสนุก ลุ้นระทึก และในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้เกิดการขบคิดในประเด็นสิ่งแวดล้อมและการเมืองไปพร้อมกัน 8/10

บทสรุปและคำแนะนำ

Under Paris เป็นมากกว่าหนังฉลามไล่ฆ่าคนธรรมดา มันคือภาพยนตร์มหันตภัยที่ใช้ความบันเทิงเป็นเปลือกนอกห่อหุ้มคำเตือนอันเฉียบขาดเกี่ยวกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมและความเย่อหยิ่งของมนุษย์ แม้จะมีข้อบกพร่องในรายละเอียดของบทและการตัดสินใจของตัวละคร แต่ด้วยแนวคิดที่แปลกใหม่ บรรยากาศที่กดดัน และสารที่ทรงพลัง ก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในหนังที่น่าจดจำที่สุดของ Netflix ในปี 2024 มันคือการนำเสนอภาพของโลกที่กำลังจะล่มสลาย ไม่ใช่ด้วยคมเขี้ยวของฉลาม แต่ด้วยความเพิกเฉยของเราเอง

คะแนน (Score)

★★★★★★★☆☆☆
7/10

หนังฉลามที่ทะเยอทะยานและมีดีมากกว่าความระทึกขวัญ แม้ตอนจบจะพาเรื่องไปไกลเกินคาด แต่สาระสำคัญที่ต้องการสื่อยังคงทรงพลังและน่าขบคิด

คำแนะนำ (Recommendation)

เหมาะสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ สัตว์ประหลาด และหนังมหันตภัย โดยเฉพาะแฟนๆ ของภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง Jaws ที่มองหาการตีความในมุมมองใหม่ๆ รวมถึงผู้ที่สนใจภาพยนตร์ที่สอดแทรกประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ชอบภาพที่มีความรุนแรงหรือคาดหวังความสมจริงตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัดอาจต้องพิจารณาก่อนรับชม

เมื่อธรรมชาติส่งสัญญาณเตือนในรูปแบบที่โหดร้ายที่สุด และมนุษย์ยังคงเลือกที่จะไม่ฟัง… สุดท้ายแล้วเส้นแบ่งระหว่างผู้ล่ากับผู้ถูกล่าจะยังคงอยู่เช่นเดิมหรือไม่?

บทความรีวิวมาใหม่