ai generated 461

Under Paris ฉลามคลั่งกลางกรุง สนุกเกินคาดจริงหรือ?

ภาพยนตร์ระทึกขวัญสัญชาติฝรั่งเศสได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ด้วยการตั้งคำถามที่ท้าทายขนบของหนังแนวสัตว์ร้ายโจมตีเมือง คำถามที่ว่า Under Paris ฉลามคลั่งกลางกรุง สนุกเกินคาดจริงหรือ? ไม่ได้เป็นเพียงแค่การประเมินความบันเทิงผิวเผิน แต่เป็นการเชื้อเชิญให้ผู้ชมดำดิ่งลงไปใต้กระแสน้ำอันขุ่นมัวของแม่น้ำแซน เพื่อสำรวจความน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนอยู่ ทั้งจากฉลามยักษ์กลายพันธุ์และจากธรรมชาติของมนุษย์เอง ภาพยนตร์เรื่องนี้หยิบยกสถานการณ์สุดขั้วของการปรากฏตัวของฉลามเพชฌฆาตกลางมหานครปารีส ก่อนการแข่งขันไตรกีฬาระดับโลกจะเริ่มต้นขึ้น สร้างเวทีแห่งความขัดแย้งระหว่างการปกป้องชีวิตผู้คนกับผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นอาจเป็นมากกว่าแค่หนังเกรดบีที่ดูเพื่อความสะใจ

ประเด็นสำคัญที่ซ่อนอยู่ในกระแสคลื่น

Under Paris ฉลามคลั่งกลางกรุง สนุกเกินคาดจริงหรือ? - under-paris-shark-movie-review

  • ความบันเทิงที่เหนือความคาดหมาย: ภาพยนตร์นำเสนอจังหวะการเล่าเรื่องที่กระชับและสร้างบรรยากาศกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นระทึกไปกับสถานการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง
  • การตีความใหม่ในกรอบเดิม: แม้จะดำเนินเรื่องตามสูตรสำเร็จของหนังฉลามคลาสสิก แต่การเลือกใช้ฉากหลังเป็นมหานครปารีสและการผูกโยงเรื่องราวเข้ากับประเด็นสิ่งแวดล้อม ทำให้ภาพยนตร์มีความสดใหม่และน่าสนใจ
  • สัญลักษณ์ของธรรมชาติที่ถูกคุกคาม: ฉลามกลายพันธุ์ในเรื่องไม่ได้เป็นเพียงสัตว์ประหลาด แต่เป็นภาพสะท้อนของผลกระทบที่มนุษย์มีต่อธรรมชาติ เป็นการเตือนถึงภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นเมื่อระบบนิเวศเสียสมดุล
  • การวิพากษ์สังคมและการเมือง: ภาพยนตร์เสียดสีการตัดสินใจของผู้นำที่มักให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเป็นประเด็นที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง

ภาพรวมและความรู้สึกแรก

Under Paris หรือในชื่อภาษาไทย ฉลามคลั่งกลางกรุง เปิดเรื่องด้วยโศกนาฏกรรมกลางทะเลลึก ที่ทิ้งบาดแผลลึกในใจของ โซเฟีย นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลผู้เชี่ยวชาญด้านฉลาม สามปีต่อมา เธอถูกดึงกลับเข้าสู่วังวนแห่งความน่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง เมื่อได้รับแจ้งเตือนถึงการปรากฏตัวของ “ลิลิธ” ฉลามมาโกขนาดมหึมาที่เธอเคยติดแท็กไว้ ซึ่งกำลังแหวกว่ายอย่างอิสระอยู่ในแม่น้ำแซน ใจกลางกรุงปารีส สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าลิลิธไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่กำลังจะขยายพันธุ์ใต้เมืองหลวงแห่งนี้ ก่อนที่การแข่งขันไตรกีฬานานาชาติจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน โซเฟียต้องร่วมมือกับ อาดิล ผู้บัญชาการตำรวจน้ำผู้ยึดมั่นในหน้าที่ เพื่อหยุดยั้งหายนะครั้งประวัติศาสตร์ ท่ามกลางแรงกดดันจากนายกเทศมนตรีที่ปฏิเสธจะยกเลิกการแข่งขันเพื่อรักษาหน้าตาของเมืองไว้ ความรู้สึกแรกหลังชมคือความประทับใจในความกล้าหาญของผู้สร้างที่หยิบพล็อตที่ดูเหมือนจะซ้ำซาก มาปรุงแต่งใหม่ด้วยฉากหลังที่ไม่คาดคิดและจังหวะการเล่าเรื่องที่ตึงเครียดจนแทบลืมหายใจ

บทวิจารณ์เชิงลึก

การวิเคราะห์ Under Paris ในเชิงลึกเผยให้เห็นชั้นของความหมายที่ซับซ้อนกว่าการเป็นเพียงหนังแอ็กชันระทึกขวัญทั่วไป ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ “ฉลาม” เป็นเครื่องมือในการสำรวจประเด็นทางสังคม จิตวิทยา และปรัชญาได้อย่างน่าสนใจ

โครงเรื่องและบท (Script & Plot)

โครงเรื่องของ Under Paris ดำเนินตามเส้นทางที่คุ้นเคยของภาพยนตร์แนว “มนุษย์ปะทะธรรมชาติ” โดยมีรากฐานมาจาก Jaws อย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้บทภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจคือการย้ายสมรภูมิจากท้องทะเลเปิดอันกว้างใหญ่ มาสู่พื้นที่จำกัดและสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างแม่น้ำแซน การตัดสินใจนี้ไม่เพียงสร้างความแปลกใหม่ทางภาพ แต่ยังเพิ่มระดับความกดดันและความรู้สึก claustrophobic ให้กับผู้ชมได้อย่างมหาศาล

บทภาพยนตร์โดดเด่นในการสร้างความขัดแย้งระหว่างกลุ่มตัวละครหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มวิทยาศาสตร์ (โซเฟีย) ที่เป็นตัวแทนของเหตุผลและความพยายามที่จะเข้าใจธรรมชาติ, กลุ่มอำนาจรัฐ (อาดิลและนายกเทศมนตรี) ที่เป็นตัวแทนของระเบียบ การควบคุม และผลประโยชน์สาธารณะ (หรือผลประโยชน์ส่วนตน), และกลุ่มนักเคลื่อนไหว (มิกะและเพื่อน) ที่เป็นตัวแทนของอุดมการณ์อันบริสุทธิ์แต่ขาดความเข้าใจในความเป็นจริงอันโหดร้าย การปะทะกันของแนวคิดเหล่านี้ขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้าและสะท้อนถึงความซับซ้อนในการจัดการวิกฤตการณ์ในโลกยุคใหม่

หนังไม่ได้บอกว่าใครถูกใครผิดอย่างชัดเจน แต่ชี้ให้เห็นถึงหายนะที่เกิดจากความดื้อรั้นและการสื่อสารที่ล้มเหลวของมนุษย์

อย่างไรก็ตาม บทภาพยนตร์ยังมีจุดอ่อนที่เห็นได้ชัด การดำเนินเรื่องที่รวดเร็วในบางช่วงทำให้การพัฒนาตัวละครบางตัวดูผิวเผิน และการตัดสินใจของตัวละครบางครั้งก็ดูไม่สมเหตุสมผลนัก โดยเฉพาะกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่การกระทำของพวกเขากลายเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างน่าขัดใจ แม้จะเข้าใจได้ว่าผู้สร้างต้องการเสียดสีความสุดโต่งทางอุดมการณ์ แต่วิธีการนำเสนอกลับทำให้ตัวละครเหล่านี้ดูไร้สติปัญญาเกินจริงไปบ้าง นอกจากนี้ การแทรกประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม แม้จะเป็นเจตนาที่ดี แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเป็นการสั่งสอนที่แข็งทื่อเกินไปเล็กน้อย

การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)

ทีมนักแสดงสามารถถ่ายทอดบทบาทของตนเองได้ตามมาตรฐานที่ภาพยนตร์ระทึกขวัญต้องการ เบเรนิส เบโจ ในบท โซเฟีย นำเสนอภาพของนักวิทยาศาสตร์ผู้มีปมในใจได้อย่างน่าเชื่อถือ ความเจ็บปวดจากการสูญเสียในอดีตฉายชัดผ่านแววตาของเธอ ทำให้การต่อสู้กับฉลามในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การทำภารกิจเพื่อช่วยเมือง แต่ยังเป็นการต่อสู้เพื่อไถ่บาปในใจของเธอเอง

นาสซิม ลีเยส ในบท อาดิล เป็นภาพแทนของเจ้าหน้าที่ผู้พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องภายใต้แรงกดดันจากเบื้องบน เคมีระหว่างเขากับโซเฟียอาจไม่ได้ร้อนแรง แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความเคารพในหน้าที่และความจำเป็นในการเอาชีวิตรอด ซึ่งสะท้อนความเป็นจริงได้ดี

ตัวละครที่น่าสนใจและน่าถกเถียงที่สุดคือ มิกะ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม ตัวละครนี้เป็นศูนย์รวมของความปรารถนาดีที่ขาดความยั้งคิด เธอเชื่อว่ามนุษย์และฉลามสามารถอยู่ร่วมกันได้ และมองว่าลิลิธเป็นเหยื่อมากกว่าผู้ล่า การกระทำของเธอกลายเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงอันตรายของอุดมการณ์ที่ไม่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง ซึ่งนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ตัวละครนี้จะสร้างความหงุดหงิดให้ผู้ชม แต่ก็เป็นตัวละครที่จำเป็นในการวิพากษ์สังคมอย่างถึงแก่น

งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)

ในแง่ของงานสร้าง Under Paris ทำได้ดีเกินความคาดหมายสำหรับภาพยนตร์ที่ไม่ได้มีงบประมาณระดับฮอลลีวูด ผู้กำกับ ซาวิเยร์ จองส์ (Xavier Gens) มีความเชี่ยวชาญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอึดอัดและตึงเครียด โดยเฉพาะฉากใต้น้ำที่ขุ่นมัวของแม่น้ำแซน ซึ่งสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยและคาดเดาไม่ได้ว่าอันตรายจะมาจากทิศทางใด

งานภาพ (Cinematography) ใช้มุมกล้องที่หลากหลาย ทั้งมุมมองบุคคลที่หนึ่งของนักดำน้ำและมุมมองจากใต้ผิวน้ำที่มองขึ้นไป ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์นั้นจริงๆ การใช้แสงและเงาในฉากที่เกิดขึ้นในสุสานใต้ดิน (Catacombs) ของปารีส ซึ่งถูกใช้เป็นรังของฉลาม เป็นการออกแบบงานสร้างที่ชาญฉลาดและน่าขนลุก สร้างมิติใหม่ของความสยองขวัญที่ผสมผสานระหว่างภัยจากธรรมชาติกับประวัติศาสตร์อันดำมืดของเมือง

งานเทคนิคพิเศษด้านภาพ (CGI) สำหรับตัวฉลามลิลิธนั้น แม้จะไม่สมบูรณ์แบบในทุกฉาก แต่ก็ทำได้ดีพอที่จะสร้างความน่าเกรงขามและสมจริงในฉากสำคัญๆ การออกแบบให้ฉลามมีรอยแผลเป็นและมีลักษณะที่ดูแข็งกร้าวกว่าฉลามทั่วไป ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของนักล่าที่ผ่านการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตร ดนตรีประกอบก็มีส่วนสำคัญในการเร่งเร้าอารมณ์และสร้างจังหวะลุ้นระทึกได้อย่างลงตัว

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

การประเมินภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถสรุปเป็นประเด็นที่น่าชื่นชมและจุดที่ยังสามารถพัฒนาได้ดังนี้

สิ่งที่ชอบ

  • ฉากหลังที่สร้างสรรค์: การนำฉลามมาไว้ในแม่น้ำแซนกลางกรุงปารีสเป็นแนวคิดที่สดใหม่และน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง มันทลายกรอบเดิมๆ ของหนังฉลามที่มักจะเกิดขึ้นในทะเลหรือชายหาด
  • จังหวะที่ลุ้นระทึก: ภาพยนตร์รักษาความตึงเครียดไว้ได้เกือบตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังที่สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงจุดแตกหัก
  • ตอนจบที่คาดไม่ถึงและทรงพลัง: บทสรุปของเรื่องนั้นหม่นหมองและท้าทายความคาดหวังของผู้ชม มันไม่ได้จบลงแบบสวยงามตามสูตร แต่ทิ้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติและความเย่อหยิ่งของอารยธรรม

สิ่งที่ไม่ชอบ

  • การตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผลของตัวละคร: ในบางสถานการณ์ การกระทำของตัวละครดูขัดกับสัญชาตญาณการเอาตัวรอดขั้นพื้นฐาน เพื่อขับเคลื่อนพล็อตไปในทิศทางที่ผู้สร้างต้องการ
  • การนำเสนอประเด็นสิ่งแวดล้อมที่ตรงไปตรงมาเกินไป: ข้อความเชิงอนุรักษ์บางครั้งถูกนำเสนอผ่านบทสนทนาที่ดูเหมือนการบรรยาย มากกว่าจะผสานเข้าไปในเรื่องราวอย่างแนบเนียน
  • ความไม่สม่ำเสมอของ CGI: แม้โดยรวมจะทำได้ดี แต่ในบางช็อตระยะใกล้ก็ยังมองเห็นความไม่เป็นธรรมชาติของตัวฉลามได้บ้าง

บทสรุปและคะแนน

สรุปแล้ว Under Paris ฉลามคลั่งกลางกรุง สนุกเกินคาดจริงหรือ? คำตอบคือ “จริง” สำหรับผู้ที่มองหาภาพยนตร์ระทึกขวัญที่มอบความบันเทิงได้อย่างเต็มเปี่ยมและมีประเด็นให้ขบคิดตามต่อ แม้จะมีข้อบกพร่องในด้านบทและการพัฒนาตัวละครอยู่บ้าง แต่ความกล้าหาญในการนำเสนอฉากหลังที่ไม่เหมือนใคร จังหวะการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม และบทสรุปที่ทรงพลัง ก็เพียงพอที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นขึ้นมาจากหนังแนวเดียวกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันคือการคืนชีพของหนังฉลามที่ไม่ได้มีดีแค่ความโหด แต่ยังมีความพยายามที่จะวิพากษ์มนุษย์ผู้คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของธรรมชาติ

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ที่ชวนให้ตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับโลกที่เราอาศัยอยู่ เมื่อธรรมชาติทวงคืนในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง แท้จริงแล้วใครคือผู้รุกรานที่แท้จริง?

คะแนน (Score)

★★★★★★★☆☆☆
7/10

เป็นหนังฉลามที่มอบความบันเทิงได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยฉากหลังที่สร้างสรรค์และจังหวะที่ลุ้นระทึก แม้จะมีจุดอ่อนด้านบทภาพยนตร์ แต่ตอนจบที่ทรงพลังก็ยกระดับให้หนังเป็นมากกว่าแค่หนังระทึกขวัญธรรมดา

คำแนะนำ (Recommendation)

แนะนำสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวระทึกขวัญสัตว์ร้ายโจมตีเมือง, แฟนพันธุ์แท้ของหนังฉลามที่มองหาความแปลกใหม่, และผู้ที่สนใจภาพยนตร์ที่ผสมผสานความบันเทิงเข้ากับการวิพากษ์วิจารณ์สังคมและปัญหาสิ่งแวดล้อม หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์บน Netflix ที่ดูสนุกและกระตุ้นความคิดไปพร้อมกัน Under Paris คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด

บทความรีวิวมาใหม่