Deadpool & Wolverine: หนังเรื่องนี้จะกู้ศรัทธา MCU ได้จริงหรือ?

ท่ามกลางกระแสความอิ่มตัวและวิกฤตศรัทธาที่แฟน ๆ มีต่อจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) การมาถึงของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนความหวังครั้งใหม่ การวิเคราะห์เชิงลึกจะสำรวจว่า Deadpool & Wolverine: หนังเรื่องนี้จะกู้ศรัทธา MCU ได้จริงหรือ? โดยพิจารณาจากองค์ประกอบต่าง ๆ ตั้งแต่บทภาพยนตร์ การแสดง ไปจนถึงผลกระทบต่อภาพรวมของจักรวาลในระยะยาว

ภาพรวมและความรู้สึกแรก

Deadpool & Wolverine คือการเดินทางข้ามมิติที่เต็มไปด้วยความโกลาหล ความรุนแรง และมุกตลกร้ายที่กัดเจ็บแสบสันตามแบบฉบับของ “เมอร์คปากมาก” แต่ภายใต้ความบ้าระห่ำนั้น คือการสำรวจสภาวะจิตใจของฮีโร่ที่แตกสลายสองคน ซึ่งถูกดึงเข้ามาพัวพันกับชะตากรรมของพหุจักรวาล ภาพยนตร์เรื่องนี้เปรียบเสมือนจดหมายรักถึงแฟน ๆ หนัง X-Men ยุคเก่า พร้อมกับทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมที่อาจเป็นได้ทั้งการกอบกู้และจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ให้กับ MCU ความรู้สึกแรกหลังชมจบคือความบันเทิงที่อัดแน่น แต่ก็เต็มไปด้วยคำถามถึงทิศทางในอนาคตของจักรวาลที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นี้

บทวิจารณ์เชิงลึก

ในภาวะที่ MCU กำลังเผชิญกับ “superhero fatigue” และความสับสนในทิศทางของ Multiverse Saga, Deadpool & Wolverine เข้ามาพร้อมความคาดหวังมหาศาลว่าจะสามารถเป็น “ยาชุบชีวิต” ให้กับแฟรนไชส์ได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงการรวมตัวของสองตัวละครแม่เหล็ก แต่ยังเป็นการทดลองครั้งสำคัญในการผสานโทนเรื่องที่แตกต่างกันสุดขั้วระหว่างหนังเรท R ที่เต็มไปด้วยความตลกร้าย กับจักรวาลหลักที่เน้นกลุ่มเป้าหมายครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจ แต่ก็มีความเสี่ยงในตัวเอง

การมาถึงของ Deadpool ใน MCU ไม่ใช่แค่การเพิ่มตัวละครใหม่ แต่คือการฉีดสารกระตุ้นที่เต็มไปด้วยความโกลาหลและความไม่เคารพต่อกฎเกณฑ์เดิม ๆ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่จักรวาลนี้ต้องการอย่างยิ่งยวด หรืออาจเป็นยาพิษที่ทำลายสมดุลที่เคยสร้างมาก็เป็นได้

โครงเรื่องและบท (Script & Plot)

หัวใจของโครงเรื่องคือการใช้ประโยชน์จากองค์กร Time Variance Authority (TVA) ที่เคยเปิดตัวในซีรีส์ Loki เพื่อดึงตัว เวด วิลสัน หรือ Deadpool เข้ามาทำภารกิจกอบกู้ “Sacred Timeline” ซึ่งทำให้เขาได้พบกับ Wolverine จากจักรวาลอื่น (Earth-10005) ที่ใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวังและหมดศรัทธา บทภาพยนตร์ชาญฉลาดในการใช้คอนเซปต์พหุจักรวาลเป็นสนามเด็กเล่นสำหรับมุกตลกเสียดสี ทั้งการล้อเลียนหนังเรื่องก่อน ๆ ของ Fox, การวิจารณ์สภาพปัจจุบันของ MCU ไปจนถึงการทำลายกำแพงที่สี่ (Fourth Wall) ที่ยกระดับไปอีกขั้น

อย่างไรก็ตาม แม้โครงเรื่องจะเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ แต่ในภาพรวมยังคงเดินตามสูตรสำเร็จของหนังแนวคู่หู (Buddy Cop) ที่ตัวละครสองขั้วต้องจำใจมาร่วมมือกันทำภารกิจ พัฒนาการของตัวละคร Wolverine ที่ต้องกลับมาค้นหาเป้าหมายในชีวิตอีกครั้งเป็นแกนหลักทางอารมณ์ที่แข็งแรง แต่ในบางครั้งก็ถูกบดบังด้วยความถี่ของมุกตลกและการอ้างอิงวัฒนธรรมป๊อปที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน จุดที่น่าสังเกตคือการตัดสินใจให้ตัวละครทั้งสองยังคงอยู่ในจักรวาลของตนเองในตอนจบ ซึ่งเป็นการเปิดทางสำหรับอนาคต แต่ก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามใหญ่ว่าพวกเขาจะผนวกรวมกับทีม Avengers อย่างไร

การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเคมีระหว่าง ไรอัน เรย์โนลด์ส ในบท Deadpool และ ฮิวจ์ แจ็คแมน ในบท Wolverine คือจุดแข็งที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ เรย์โนลด์สยังคงเป็น Deadpool ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งจังหวะการพูดที่รวดเร็ว การแสดงออกที่กวนประสาท และความสามารถในการถ่ายทอดความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากได้อย่างแนบเนียน ในขณะเดียวกัน การกลับมารับบท Wolverine อีกครั้งของแจ็คแมนก็เต็มไปด้วยพลัง เขาถ่ายทอดความเหนื่อยล้า ความโกรธแค้น และความสูญเสียของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง การได้เห็น Wolverine ในชุดคอสตูมสีเหลืองตามแบบฉบับคอมิกส์เป็นสิ่งที่แฟน ๆ รอคอยมานาน และแจ็คแมนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

เมื่อตัวละครทั้งสองเข้าฉากร่วมกัน พลังงานที่เกิดขึ้นนั้นยอดเยี่ยมมาก การปะทะคารมที่คมคายสลับกับการต่อสู้ที่ดุเดือดสร้างไดนามิกที่น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ตัวละครสมทบจากองค์กร TVA และการปรากฏตัวของตัวละครรับเชิญจากจักรวาล X-Men เก่า ๆ ก็ช่วยสร้างสีสันและเชื่อมโยงเรื่องราวเข้ากับประวัติศาสตร์อันยาวนานของหนังมาร์เวลได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม ตัวร้ายหลักของเรื่องอาจจะยังดูมีมิติไม่มากพอเมื่อเทียบกับความซับซ้อนของสองตัวละครนำ

งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)

ในด้านงานสร้าง Deadpool & Wolverine มีมาตรฐานที่สูงตามแบบฉบับของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ฉากแอ็กชันได้รับการออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์และดิบเถื่อนสมกับเรท R การต่อสู้ระหว่าง Wolverine กับศัตรูจำนวนมากโชว์ให้เห็นถึงสัญชาตญาณดิบของเขาอย่างเต็มที่ ในขณะที่ฉากของ Deadpool ก็เต็มไปด้วยความโลดโผนและลูกเล่นที่คาดเดาไม่ได้ การกำกับภาพสามารถสลับโทนระหว่างความตลกขบขันและความจริงจังของดราม่าได้อย่างลื่นไหล

ดนตรีประกอบยังคงใช้เพลงป๊อปยุคเก่ามาสร้างความขัดแย้งกับภาพความรุนแรงได้อย่างมีสไตล์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สืบทอดมาจากหนัง Deadpool สองภาคแรก การออกแบบฉาก โดยเฉพาะโลกที่เรียกว่า “The Void” ซึ่งเป็นสุสานของไทม์ไลน์ที่ถูกลบ เต็มไปด้วย “อีสเตอร์เอ้ก” และการอ้างอิงถึงหนังมาร์เวลเรื่องอื่น ๆ มากมายที่แฟน ๆ จะต้องเพลิดเพลินกับการค้นหา แม้ว่างาน CGI ในบางฉากอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่ออรรถรสโดยรวมของภาพยนตร์มากนัก

ฉาก/ไฮไลต์ที่น่าจดจำ

ฉากที่น่าจดจำที่สุดฉากหนึ่งคือการต่อสู้ครั้งแรกระหว่าง Deadpool และ Wolverine ภายในสำนักงานของ TVA ฉากนี้ไม่ได้มีดีแค่คิวบู๊ที่ออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นการปะทะกันทางอุดมการณ์และบุคลิกภาพของทั้งสองตัวละครอย่างชัดเจน Deadpool ที่มองทุกอย่างเป็นเรื่องตลกและไม่แยแสต่อกฎเกณฑ์ใด ๆ ต้องมาเผชิญหน้ากับ Wolverine ที่แบกรับความเจ็บปวดและความรับผิดชอบจนหมดสิ้นศรัทธา บทสนทนาที่เสียดสีสลับกับการต่อสู้ที่ไม่มีใครยอมใคร สะท้อนแก่นของภาพยนตร์ทั้งเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันเป็นทั้งฉากแอ็กชันที่น่าตื่นตาและฉากแสดงที่ทรงพลังซึ่งเผยให้เห็นความสัมพันธ์แบบรักปนเกลียด (Love-Hate Relationship) ที่จะเป็นรากฐานของเรื่องราวต่อไป

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

สิ่งที่ชอบ

• เคมีการแสดงที่ไร้ที่ติ: การได้เห็น ไรอัน เรย์โนลด์ส และ ฮิวจ์ แจ็คแมน ปะทะฝีปากและฝีมือกันบนจอคือความฝันที่เป็นจริงของแฟน ๆ ซึ่งภาพยนตร์ก็มอบให้แบบจัดเต็ม
• ความกล้าที่จะเสียดสีตัวเอง: ภาพยนตร์ไม่เพียงแต่ล้อเลียนหนังเรื่องอื่น ๆ แต่ยังกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์สถานะของ MCU ในปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งสร้างเสียงหัวเราะและสะท้อนความรู้สึกของแฟน ๆ ได้เป็นอย่างดี
• การเคารพต้นฉบับ: การนำเสนอ Wolverine ในชุดคลาสสิกสีเหลือง และการคงไว้ซึ่งความรุนแรงและภาษาที่หยาบคายของ Deadpool ถือเป็นการให้เกียรติตัวละครและแฟน ๆ ที่ติดตามมานาน

สิ่งที่ไม่ชอบ

• การพึ่งพามุกตลกมากเกินไป: ในบางช่วง การยิงมุกตลกที่ถี่เกินไปทำให้ฉากที่ต้องการสร้างอารมณ์ความรู้สึกขาดน้ำหนักลงไป
• บทสรุปที่ค่อนข้างปลอดภัย: แม้จะเต็มไปด้วยความบ้าระห่ำ แต่ตอนจบของหนังกลับเลือกทางที่ค่อนข้างปลอดภัย โดยยังไม่ผนวกรวมตัวละครเข้ากับจักรวาลหลักอย่างเต็มตัว ซึ่งอาจทำให้รู้สึกว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาใหญ่ของ MCU ได้จริง ๆ

บทสรุปและคะแนน

สรุปแล้ว Deadpool & Wolverine คือภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในแง่ของการเป็นภาพยนตร์เดี่ยว มันมอบความบันเทิง ความตื่นเต้น และเสียงหัวเราะได้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับการแสดงที่ยอดเยี่ยมของสองนักแสดงนำ ความสำเร็จด้านรายได้มหาศาลได้พิสูจน์แล้วว่าผู้ชมยังคงกระหายหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีคุณภาพและแตกต่าง

อย่างไรก็ตาม หากมองในฐานะ “ผู้กอบกู้” ของ MCU ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเป็นเพียง “การเติมพลัง” ในระยะสั้นมากกว่า “การแก้ปัญหา” ในระยะยาว มันช่วยซื้อเวลาและสร้างกระแสบวกให้กับสตูดิโอ แต่ภาระในการ “กู้ศรัทธา” อย่างแท้จริงยังคงตกอยู่กับภาพยนตร์เรื่องต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะ Avengers: Doomsday และ Avengers: Secret Wars ที่จะต้องนำพาเรื่องราวทั้งหมดมาบรรจบกันอย่างสมเหตุสมผล ดังนั้น Deadpool & Wolverine จึงเป็นก้าวที่สำคัญและถูกต้อง แต่ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของทุกสิ่ง

คะแนน (Score)

คำแนะนำ (Recommendation)

ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับ:

• แฟน ๆ ของ Deadpool และ Wolverine ที่ต้องการเห็นการรวมตัวที่สมศักดิ์ศรีและเคารพต้นฉบับ
• ผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอ็กชัน-คอเมดี้ที่มีมุกตลกร้ายและเสียดสีสังคม
• ผู้ที่ติดตาม MCU และต้องการเห็นทิศทางใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แม้จะต้องเตรียมใจว่านี่อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาทั้งหมด

หากฮีโร่ผู้ทำลายกำแพงที่สี่ตระหนักว่าชะตากรรมของเขาถูกเขียนขึ้นเพื่อ ‘กอบกู้’ เรื่องเล่าที่กำลังจะตาย ตัวตนที่แท้จริงของเขายังคงเป็นของเขาอยู่หรือไม่?