เกิดอะไรขึ้นกับ Blade? ผู้กำกับถอนตัวฟ้าผ่า
ภาพยนตร์รีบูต Blade ของ Marvel Studios ที่นำแสดงโดย Mahershala Ali กลายเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่เผชิญกับความท้าทายและความล่าช้ามากที่สุดในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) นับตั้งแต่การประกาศเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2019 สถานการณ์ล่าสุดยิ่งทวีความน่ากังวล เมื่อผู้กำกับคนที่สองอย่าง Yann Demange ได้ถอนตัวออกจากโปรเจกต์ไปอีกราย ทิ้งคำถามสำคัญไว้เบื้องหลังว่าเกิดอะไรขึ้นกับภาพยนตร์นักล่าแวมไพร์ที่แฟน ๆ ทั่วโลกรอคอย และอนาคตของ Daywalker บนจอเงินจะเป็นอย่างไรต่อไป
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ

- การถอนตัวของผู้กำกับคนที่สอง: Yann Demange ได้ถอนตัวจากตำแหน่งผู้กำกับภาพยนตร์ Blade ซึ่งเป็นผู้กำกับคนที่สองที่ออกจากโปรเจกต์นี้ ต่อจาก Bassam Tariq โดยการแยกทางครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นมิตร แต่สะท้อนถึงปัญหากระบวนการพัฒนาที่ยืดเยื้อ
- ปัญหาด้านบทภาพยนตร์: สาเหตุหลักของความล่าช้ามาจากการที่บทภาพยนตร์ยังไม่ลงตัว มีการปรับเปลี่ยนทีมเขียนบทหลายครั้ง และวิสัยทัศน์ที่ไม่ตรงกันระหว่างผู้กำกับและสตูดิโอ
- ความไม่แน่นอนของกำหนดการ: โปรเจกต์ถูกเลื่อนการถ่ายทำและกำหนดฉายออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยล่าสุดถูกถอดออกจากตารางฉายเดิมในเดือนพฤศจิกายน 2025 แล้ว
- นักแสดงหลักยังคงอยู่: แม้จะเผชิญปัญหามากมาย แต่นักแสดงนำอย่าง Mahershala Ali และ Mia Goth ยังคงยืนยันที่จะอยู่กับโปรเจกต์ต่อไป และมีส่วนร่วมในการพัฒนาทิศทางของภาพยนตร์
- ทิศทางของภาพยนตร์: Blade ถูกวางให้เป็นภาพยนตร์แอ็กชัน-สยองขวัญ สำหรับผู้ใหญ่ (เรต R) ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตของ MCU ไปสู่เนื้อหาที่มืดมนและรุนแรงยิ่งขึ้น
เบื้องหลังความวุ่นวายของ Blade ฉบับรีบูต
เกิดอะไรขึ้นกับ Blade? ผู้กำกับถอนตัวฟ้าผ่า กลายเป็นคำถามที่ดังก้องในหมู่แฟน ๆ ของ Marvel Cinematic Universe การถอนตัวของ Yann Demange ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงบุคลากร แต่เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงปัญหาระดับโครงสร้างที่ฝังรากลึกในกระบวนการพัฒนาโปรเจกต์นี้มานานหลายปี ความล่าช้าและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้สร้างความกังวลว่าภาพยนตร์นักล่าแวมไพร์ที่ทุกคนคาดหวังอาจจะไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันในเร็ววันนี้ การเดินทางของ Blade ใน MCU นั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคมาตั้งแต่ต้น และการสูญเสียผู้กำกับไปอีกหนึ่งคนก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ดูซับซ้อนและท้าทายมากยิ่งขึ้น
การเดินทางที่ยาวนานกว่าที่คาด
การประกาศสร้าง Blade ในงาน San Diego Comic-Con ปี 2019 พร้อมกับการเปิดตัว Mahershala Ali ในฐานะนักแสดงนำ ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ทั่วโลก การนำตัวละคร Daywalker กลับมาสู่จอเงินอีกครั้งภายใต้ชายคาของ Marvel Studios ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ แต่สิ่งที่ตามมากลับไม่ใช่ความคืบหน้าอย่างที่คาดหวัง โปรเจกต์นี้ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงผู้กำกับถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือ Bassam Tariq ที่ถอนตัวไปในปี 2022 และล่าสุดคือ Yann Demange ในปี 2024 การเปลี่ยนแปลงทีมงานหลักบ่อยครั้งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ลงรอยกันในวิสัยทัศน์และแนวทางการสร้างสรรค์ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความคืบหน้าของภาพยนตร์
แก่นของปัญหา: บทภาพยนตร์ที่ไม่ลงตัว
รายงานจากสื่อชั้นนำหลายสำนัก เช่น The Hollywood Reporter และ The Wrap ชี้ให้เห็นว่าปัญหาหลักที่ทำให้โปรเจกต์ Blade สะดุดลงคือบทภาพยนตร์ที่ยังไม่เป็นที่พอใจ มีการเปลี่ยนทีมเขียนบทมาแล้วหลายครั้ง แต่ละทีมต่างนำเสนอแนวทางที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งไม่สามารถตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของทั้งผู้กำกับและทีมผู้บริหารของ Marvel Studios ภายใต้การนำของ Kevin Feige ได้อย่างสมบูรณ์
แหล่งข่าววงในระบุว่าบทภาพยนตร์เวอร์ชันก่อน ๆ มีปัญหาทั้งในด้านโครงเรื่องและฉากแอ็กชันที่ถูกวิจารณ์ว่า “น่าผิดหวัง” ความไม่ลงตัวนี้เองที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางความคิดสร้างสรรค์ และทำให้ผู้กำกับแต่ละคนรู้สึกถึงข้อจำกัดที่ไม่สามารถถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ สำหรับ Yann Demange ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานที่มีสไตล์โดดเด่นอย่าง ’71 และ Lovecraft Country ความยืดเยื้อของกระบวนการพัฒนาและความไม่ชัดเจนในทิศทางของบท อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาตัดสินใจแยกทางกับโปรเจกต์นี้
การแยกทางกันระหว่าง Yann Demange และ Marvel Studios ได้รับการยืนยันว่าเป็นไป “ด้วยดี” แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความหงุดหงิดต่อกระบวนการพัฒนาที่ไม่มีความคืบหน้าเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจครั้งนี้
ผลกระทบและอนาคตที่ไม่แน่นอน
การถอนตัวของผู้กำกับส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภาพยนตร์ Blade อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กำหนดการถ่ายทำที่เคยถูกวางไว้ต้องเลื่อนออกไปหลายครั้ง และล่าสุด กำหนดฉายเดิมในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2025 ก็ถูกถอดออกจากตารางอย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดทางให้กับภาพยนตร์เรื่องอื่น นี่คือสัญญาณชัดเจนว่า Marvel Studios ต้องการเวลาเพื่อตั้งหลักและแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ก่อนที่จะเดินหน้าโปรเจกต์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม สตูดิโอยังคงไม่ยอมแพ้กับโปรเจกต์นี้ มีการดึงตัว Eric Pearson ผู้เขียนบทที่เคยฝากผลงานไว้ใน Thor: Ragnarok และ Black Widow เข้ามาเพื่อปรับปรุงและแก้ไขบทภาพยนตร์ครั้งล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะหาทิศทางที่ลงตัวให้ได้ ในขณะเดียวกัน ก็มีข่าวลือว่า Chad Stahelski ผู้กำกับจากแฟรนไชส์ John Wick อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ Marvel สนใจทาบทามให้มารับตำแหน่งผู้กำกับคนต่อไป แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันใด ๆ อย่างเป็นทางการ
แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์: ความมุ่งมั่นของนักแสดง
ท่ามกลางความไม่แน่นอน ยังมีข่าวดีที่ช่วยให้แฟน ๆ ใจชื้นขึ้นมาบ้าง นั่นคือความมุ่งมั่นของนักแสดงหลัก Mahershala Ali ยังคงผูกติดอยู่กับบทบาท Blade และมีรายงานว่าเขามีบทบาทสำคัญในการช่วยคัดเลือกทีมงานชุดใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าภาพยนตร์จะออกมามีคุณภาพสมกับการรอคอย นอกจากนี้ Mia Goth ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนักแสดงคนสำคัญในเรื่อง ก็ยังคงอยู่กับโปรเจกต์นี้เช่นกัน โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์ในทิศทางบวกว่า การเลื่อนโปรเจกต์ออกไปถือเป็นเรื่องดี เพราะมันหมายความว่าทีมงานต้องการเวลาเพื่อสร้างสรรค์ภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมา
ทิศทางที่แตกต่าง: สู่ความมืดมนในเรต R
หนึ่งในความคาดหวังที่สูงที่สุดสำหรับ Blade คือการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีโทนที่แตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ใน MCU โดยมีแนวโน้มสูงที่จะได้รับการจัดเรต R (สำหรับผู้ชมอายุ 18 ปีขึ้นไป) เช่นเดียวกับ Deadpool & Wolverine การตัดสินใจนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้สร้างสามารถนำเสนอความรุนแรงและบรรยากาศสยองขวัญได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของตัวละครนักล่าแวมไพร์ผู้นี้ การสร้างภาพยนตร์แนวแอนตี้ฮีโร่-แอ็กชัน-สยองขวัญในเรต R ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของ Marvel Studios และเป็นสิ่งที่แฟน ๆ ของ Blade ต้นฉบับต่างรอคอย แม้ว่าตัวละครจะได้ปรากฏตัวผ่านเสียงในฉากท้ายเครดิตของ Eternals ไปแล้ว แต่การเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในภาพยนตร์เดี่ยวของตัวเองยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองต่อไป
บทสรุป: การรอคอยที่ยังคงดำเนินต่อไป
สรุปแล้ว สถานการณ์ของภาพยนตร์ Blade ยังคงอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน การถอนตัวของผู้กำกับ Yann Demange เป็นเพียงอาการล่าสุดของปัญหาที่สะสมมานาน โดยมีรากฐานมาจากความไม่ลงตัวของบทภาพยนตร์และทิศทางที่ไม่ชัดเจน แม้ว่าโปรเจกต์จะถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด และยังไม่มีผู้กำกับคนใหม่ที่แน่นอน แต่ความมุ่งมั่นของนักแสดงนำอย่าง Mahershala Ali และความพยายามของสตูดิโอในการปรับปรุงบทภาพยนตร์ ก็ยังคงเป็นความหวังว่าวันหนึ่ง Daywalker จะได้กลับมาเฉิดฉายบนจอเงินอีกครั้งอย่างสมศักดิ์ศรี แฟน ๆ คงต้องอดทนรอต่อไป และหวังว่าการรอคอยที่ยาวนานครั้งนี้จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่คุ้มค่าในท้ายที่สุด
ในการรังสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่ การเดินทางผ่านเงามืดแห่งความไม่สมบูรณ์แบบนั้น คือส่วนหนึ่งของกระบวนการเพื่อค้นหาแสงสว่างแห่งความสมบูรณ์แบบใช่หรือไม่?
