สรุปจักรวาล X-Men ก่อนดู Deadpool & Wolverine

จักรวาลภาพยนตร์ X-Men ของฟอกซ์ (Fox) คือมหากาพย์ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยเส้นเวลาที่แตกแขนง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญก่อนการมาถึงของ Deadpool & Wolverine การทำความเข้าใจการเดินทางอันยาวนานของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปัจจุบันจึงเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาและดื่มด่ำกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ได้อย่างเต็มที่ บทความนี้จะทำการ สรุปจักรวาล X-Men ก่อนดู Deadpool & Wolverine เพื่อปูทางให้ผู้ชมได้เห็นภาพรวมของเหตุการณ์ ตัวละคร และความขัดแย้งที่หล่อหลอมโลกใบนี้มานานกว่าสองทศวรรษ

ภาพรวม: มหากาพย์แห่งมนุษย์กลายพันธุ์

จักรวาลภาพยนตร์ X-Men ถือเป็นผู้บุกเบิกหนังซูเปอร์ฮีโร่ในยุคใหม่ นำเสนอเรื่องราวของกลุ่มคนผู้มีพลังพิเศษที่เรียกว่า “มนุษย์กลายพันธุ์” (Mutants) ซึ่งต้องต่อสู้เพื่อการยอมรับในสังคมที่หวาดกลัวและเกลียดชังพวกเขา แกนกลางของเรื่องราวคือความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่าง ชาร์ลส์ เซเวียร์ (Professor X) ผู้เชื่อในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และ เอริก เลห์นเชอร์ (Magneto) ผู้เชื่อว่ามนุษย์กลายพันธุ์ควรอยู่เหนือมนุษย์ธรรมดา ความซับซ้อนของจักรวาลนี้ไม่ได้อยู่แค่ที่จำนวนตัวละคร แต่ยังรวมถึงการมีเส้นเวลาหลายเส้นที่เกิดจากการแก้ไขอดีต ซึ่งส่งผลกระทบต่อเรื่องราวทั้งหมดอย่างมหาศาล

บทวิเคราะห์เชิงลึก: การแตกแขนงของเส้นเวลา

เพื่อทำความเข้าใจจักรวาล X-Men อย่างถ่องแท้ จำเป็นต้องแบ่งเรื่องราวออกเป็นไทม์ไลน์หลักๆ ซึ่งมีจุดเปลี่ยนสำคัญคือเหตุการณ์ในภาพยนตร์ X-Men: Days of Future Past ที่เปรียบเสมือนการ “รีเซ็ต” จักรวาลครั้งใหญ่

โครงเรื่อง: ไทม์ไลน์ดั้งเดิม (Original Timeline)

นี่คือเส้นเวลาแรกที่ผู้ชมได้รู้จัก เริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และมนุษย์กลายพันธุ์ที่คุกรุ่น และค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นจนนำไปสู่อนาคตอันมืดมน

• X-Men (2000): จุดเริ่มต้นที่แนะนำให้เรารู้จักกับโรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์ของเซเวียร์, วูล์ฟเวอรีน, โร้ค และการต่อสู้ครั้งแรกกับภราดรภาพของแม็กนีโต้
• X2: X-Men United (2003): การต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ วิลเลียม สไตรเกอร์ นายทหารผู้เกลียดชังมนุษย์กลายพันธุ์ วางแผนกวาดล้างพวกเขา ทำให้ทีม X-Men ต้องร่วมมือกับแม็กนีโต้เพื่อหยุดยั้งแผนการนี้
• X-Men: The Last Stand (2006): เรื่องราวเดินทางมาถึงจุดแตกหัก เมื่อมีการคิดค้น “ยารักษา” การกลายพันธุ์ ซึ่งสร้างความแตกแยกในหมู่มิวแทนท์ ขณะเดียวกัน จีน เกรย์ ก็ถูกปลดปล่อยพลังฟีนิกซ์ที่ทำลายล้างออกมา
• X-Men Origins: Wolverine (2009): พาผู้ชมย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของโลแกน หรือวูล์ฟเวอรีน ตั้งแต่ชีวิตในอดีต การเข้าร่วมโครงการ Weapon X ที่ทำให้เขามีกระดูกอะดาแมนเทียม ไปจนถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับพี่ชายอย่าง วิคเตอร์ ครีด (เซเบอร์ทูธ)
• The Wolverine (2013): เหตุการณ์หลัง The Last Stand ที่วูล์ฟเวอรีนเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นและต้องเผชิญหน้ากับอดีตของตนเอง รวมถึงการสูญเสียความสามารถในการเยียวยาชั่วคราว
• X-Men: Days of Future Past (2014) – ส่วนอนาคต: ในอนาคตอันเลวร้ายปี 2023 มนุษย์กลายพันธุ์ถูกตามล่าโดยหุ่นยนต์เซนติเนลเกือบสิ้นซาก ผู้นำที่เหลือรอดอย่างเซเวียร์และแม็กนีโต้จึงตัดสินใจส่งจิตสำนึกของวูล์ฟเวอรีนย้อนเวลากลับไปยังปี 1973 เพื่อแก้ไขอดีตและป้องกันไม่ให้อนาคตนี้เกิดขึ้น

ตัวละคร: ไทม์ไลน์ใหม่ (New Timeline)

หลังจากการแก้ไขอดีตใน Days of Future Past สำเร็จ ก็ได้เกิดเป็นเส้นเวลาใหม่ที่เหตุการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง โดยมีทีมนักแสดงชุดใหม่ที่รับบทเป็นตัวละครในวัยหนุ่มสาวเป็นผู้ดำเนินเรื่อง

• X-Men: First Class (2011): แม้จะออกฉายก่อน Days of Future Past แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้คือจุดเริ่มต้นของไทม์ไลน์ใหม่ เล่าเรื่องราวในปี 1962 เกี่ยวกับการพบกันครั้งแรกของชาร์ลส์ เซเวียร์ และเอริก เลห์นเชอร์ และการก่อตั้งทีม X-Men รุ่นแรก
• X-Men: Days of Future Past (2014) – ส่วนอดีต: การมาถึงของวูล์ฟเวอรีนในปี 1973 เพื่อหยุดยั้งมิสทีคไม่ให้สังหารโบลิวาร์ ทราสก์ ผู้สร้างเซนติเนล คือจุดเปลี่ยนที่สร้างไทม์ไลน์นี้ขึ้นมา ตอนจบของเรื่องได้ลบเหตุการณ์ใน X-Men: The Last Stand และปูทางไปสู่อนาคตที่สดใสกว่าเดิม
• X-Men: Apocalypse (2016): เรื่องราวในยุค 80s ทีม X-Men รุ่นใหม่ต้องเผชิญหน้ากับ อะโพคาลิปส์ มนุษย์กลายพันธุ์คนแรกของโลกผู้ทรงพลังที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลและต้องการจะสร้างโลกใหม่
• X-Men: Dark Phoenix (2019): การเล่าเรื่องราวของจีน เกรย์ และพลังฟีนิกซ์อีกครั้งในไทม์ไลน์ใหม่นี้ โดยเน้นไปที่ความขัดแย้งภายในจิตใจของจีน และผลกระทบต่อทีม X-Men

จักรวาลคู่ขนาน: เรื่องราวของ Deadpool และ Logan

ภาพยนตร์สองเรื่องนี้มีสถานะที่พิเศษและดำเนินเรื่องราวในโทนที่แตกต่างจากภาคหลักอย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในจักรวาลของฟอกซ์ก็ตาม

“ภาพยนตร์เหล่านี้ไม่ได้ผูกมัดกับเส้นเวลาหลักอย่างเคร่งครัด แต่เลือกที่จะเล่าเรื่องราวของตัวเองอย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ”

• Deadpool (2016) & Deadpool 2 (2018): เวด วิลสัน หรือเดดพูล คือตัวละครที่ “ทำลายกำแพงที่สี่” (Fourth Wall Break) และรับรู้ว่าตัวเองอยู่ในโลกภาพยนตร์ เขามักจะอ้างอิงถึงความสับสนของไทม์ไลน์ X-Men อย่างติดตลก แม้จะมีการปรากฏตัวของตัวละครอย่างโคโลสซัสและเนกาโซนิก ทีนเอจ วอร์เฮด แต่เรื่องราวของเขาก็แทบจะเป็นเอกเทศจากภาคหลักโดยสิ้นเชิง
• Logan (2017): เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ปี 2029 ที่มนุษย์กลายพันธุ์แทบจะสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว โลแกนแก่ชราลงและพลังการรักษาเสื่อมถอย เขาต้องดูแลโปรเฟสเซอร์ เอ็กซ์ ที่ป่วยและควบคุมพลังจิตไม่ได้อีกต่อไป Logan คือบทสรุปการเดินทางของวูล์ฟเวอรีนฉบับฮิวจ์ แจ็คแมน ที่เต็มไปด้วยความหม่นหมองและสะเทือนอารมณ์ ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดขึ้นในไทม์ไลน์แยกต่างหาก หรืออาจเป็นปลายทางที่เป็นไปได้ของไทม์ไลน์ใหม่

จุดเชื่อมต่อ: การมาถึงของ Deadpool & Wolverine

Deadpool & Wolverine ถูกวางตำแหน่งให้เป็นภาพยนตร์ที่เชื่อมโยงมรดกของจักรวาล X-Men ของฟอกซ์เข้ากับจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) อย่างเป็นทางการ เนื้อเรื่องจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Time Variance Authority (TVA) องค์กรควบคุมเส้นเวลาที่เคยปรากฏในซีรีส์ Loki เดดพูลจะถูกดึงตัวโดย TVA เพื่อมาทำภารกิจบางอย่างที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากวูล์ฟเวอรีนในเวอร์ชันที่เราคุ้นเคย

การปรากฏตัวของ TVA หมายความว่าความยุ่งเหยิงของไทม์ไลน์ X-Men ที่เคยเป็นเรื่องตลกของเดดพูล บัดนี้ได้กลายเป็นแกนหลักของเรื่องราว ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแนวโน้มที่จะสำรวจ “จักรวาลของฟอกซ์” ในฐานะหนึ่งในพหุจักรวาล (Multiverse) ที่กำลังจะล่มสลาย และเดดพูลอาจต้องเดินทางข้ามไปยังไทม์ไลน์ต่างๆ เพื่อหาทางกอบกู้จักรวาลของตนเอง นี่คือโอกาสในการนำตัวละครเก่าๆ จากทุกไทม์ไลน์กลับมา และเป็นการอำลาจักรวาล X-Men ของฟอกซ์อย่างเป็นทางการ ก่อนที่เหล่ามิวแทนท์จะถูกนำเสนอในรูปแบบใหม่ทั้งหมดใน MCU

ประเด็นสำคัญและจุดที่น่าสับสน

ตลอด 24 ปีที่ผ่านมา จักรวาล X-Men ได้สร้างความประทับใจและในขณะเดียวกันก็สร้างความสับสนให้แก่ผู้ชมจำนวนมาก

• จุดเด่น:
  • การคัดเลือกนักแสดงที่โดดเด่น: ฮิวจ์ แจ็คแมน ในบทวูล์ฟเวอรีน, แพทริค สจ๊วต ในบทโปรเฟสเซอร์ เอ็กซ์ และเอียน แมคเคลเลน ในบทแม็กนีโต้ ถือเป็นการคัดเลือกนักแสดงที่สมบูรณ์แบบและกลายเป็นภาพจำของตัวละครนั้นๆ
  • ประเด็นทางสังคมที่ลึกซึ้ง: ภาพยนตร์ X-Men มักจะใช้เรื่องราวของมนุษย์กลายพันธุ์เพื่อสะท้อนประเด็นการเหยียดเชื้อชาติ, การต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมือง และความกลัวต่อสิ่งที่แตกต่าง
  • ความหลากหลายของแนวภาพยนตร์: ตั้งแต่หนังซูเปอร์ฮีโร่แบบดั้งเดิม, หนังย้อนยุค, หนังตลกเรท R ไปจนถึงหนังแนวนีโอ-เวสเทิร์นดราม่าใน Logan
• จุดที่น่าสับสน:
  • ความไม่ต่อเนื่องของไทม์ไลน์: แม้จะมีความพยายามแก้ไขใน Days of Future Past แต่ก็ยังมีช่องโหว่และความไม่สอดคล้องกันของเหตุการณ์ปรากฏอยู่หลายจุด เช่น ตัวละครเดดพูลใน X-Men Origins: Wolverine ที่แตกต่างจากเวอร์ชันหนังเดี่ยวโดยสิ้นเชิง
  • การจัดการตัวละคร: ตัวละครสำคัญหลายตัว เช่น ไซคลอปส์ และสตอร์ม มักไม่ได้รับการพัฒนาบทบาทเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับในคอมิกส์
  • คุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอ: ภาพยนตร์ในแฟรนไชส์นี้มีคุณภาพที่แตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่ผลงานที่ได้รับการยกย่องไปจนถึงเรื่องที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก

บทสรุป: การเตรียมความพร้อมสู่พหุจักรวาล

การทำความเข้าใจไทม์ไลน์ดั้งเดิม, ไทม์ไลน์ใหม่ และเรื่องราวคู่ขนานของเดดพูลและโลแกน คือพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้การรับชม Deadpool & Wolverine สนุกสนานและมีความหมายมากยิ่งขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การรวมตัวของสองตัวละครขวัญใจมหาชน แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองและบทสรุปให้กับมรดกอันยาวนานของจักรวาล X-Men ที่ฟอกซ์ได้สร้างไว้ ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้กับ MCU อย่างสมบูรณ์

ภาพรวมจักรวาล X-Men

ภาพยนตร์ที่ควรทบทวน

สำหรับผู้ชมที่ต้องการเตรียมความพร้อมอย่างรวดเร็ว ภาพยนตร์ที่แนะนำให้ทบทวนเป็นพิเศษคือ:

1. X-Men: Days of Future Past (2014): เพื่อทำความเข้าใจจุดเปลี่ยนของไทม์ไลน์และเห็นการร่วมทีมของนักแสดงสองยุค
2. Deadpool (2016) & Deadpool 2 (2018): เพื่อทำความรู้จักกับตัวละครเดดพูลและสไตล์การเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์
3. Logan (2017): เพื่อเข้าใจเบื้องหลังและสภาพจิตใจของวูล์ฟเวอรีนในเวอร์ชันที่ภาพยนตร์ใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมา

การเตรียมตัวที่ดีจะทำให้ทุกการอ้างอิงและทุกมุกตลกใน Deadpool & Wolverine มีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า: หากตัวตนของเราถูกหล่อหลอมจากความทรงจำในอดีต การลบหรือเปลี่ยนแปลงอดีตนั้นจะเท่ากับการทำลายตัวตนที่เราเคยเป็นหรือไม่