รีวิว Furiosa: มหากาพย์สุดเดือดสมการรอคอย
- ภาพรวมของมหากาพย์บทใหม่แห่งดินแดนรกร้าง
- เรื่องราวต้นกำเนิดและการเดินทางสู่การล้างแค้น
- เจาะลึกตัวละครหลัก: ฟันเฟืองสำคัญของเรื่องราว
- รีวิว Furiosa: มหากาพย์สุดเดือดสมการรอคอยในทุกมิติ
- Furiosa ปะทะ Fury Road: ความเหมือนที่แตกต่าง
- ประเด็นที่น่าพิจารณาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์
- บทสรุป: การขยายจักรวาลที่แฟน Mad Max ไม่ควรพลาด
ภาพยนตร์เรื่องนี้คือการกลับมาอีกครั้งของจักรวาล Mad Max ที่หลายคนรอคอย โดยเป็นการเจาะลึกเรื่องราวต้นกำเนิดของตัวละครหญิงแกร่งอย่าง ฟูริโอซ่า ก่อนที่เธอจะกลายเป็นจักรพรรดินีผู้นำการปฏิวัติใน Mad Max: Fury Road บทความ รีวิว Furiosa: มหากาพย์สุดเดือดสมการรอคอย ฉบับนี้ จะพาไปสำรวจทุกแง่มุมของภาพยนตร์ ทั้งในด้านเนื้อเรื่อง การแสดง งานสร้าง และฉากแอ็กชัน เพื่อประเมินว่าการขยายจักรวาลในครั้งนี้สามารถตอบสนองความคาดหวังของแฟน ๆ ได้หรือไม่
- การขยายจักรวาล Mad Max: ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราว Prequel ของตัวละครฟูริโอซ่า ทำให้ผู้ชมเข้าใจที่มาและแรงผลักดันของเธอมากขึ้น
- การแสดงอันทรงพลัง: Anya Taylor-Joy และ Chris Hemsworth ในบทบาทฟูริโอซ่าและดีเมนตัส ได้รับคำชมด้านการแสดงที่สามารถถ่ายทอดมิติของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม
- งานสร้างที่ยังคงมาตรฐาน: บรรยากาศโลกหลังหายนะ งานออกแบบงานศิลป์ และสุนทรียศาสตร์ยังคงความดิบเถื่อนและยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับของแฟรนไชส์
- แอ็กชันที่แตกต่าง: แม้ฉากแอ็กชันอาจไม่บ้าคลั่งเท่า Fury Road แต่ก็มีความหลากหลายและหนักหน่วงในรูปแบบของมหากาพย์สงครามที่เน้นการเล่าเรื่องควบคู่กันไป
- โทนเรื่องที่ดิบและรุนแรง: ภาพยนตร์มีเนื้อหาที่หนักและมีความรุนแรงในระดับเรต R ซึ่งอาจมากกว่าภาคก่อนหน้าด้วยซ้ำ
ภาพรวมของมหากาพย์บทใหม่แห่งดินแดนรกร้าง
การกลับมาของจักรวาล Mad Max ในครั้งนี้เป็นการเลือกเส้นทางที่น่าสนใจ ผ่านการเล่าเรื่องราวต้นกำเนิด (Origin Story) ของตัวละครที่แข็งแกร่งและเป็นที่รักที่สุดคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์ยุคใหม่ นั่นคือ ฟูริโอซ่า ภาพยนตร์เรื่อง Furiosa: A Mad Max Saga ทำหน้าที่เป็นภาคก่อนหน้า (Prequel) ของเหตุการณ์ใน Mad Max: Fury Road โดยมีเป้าหมายเพื่อเติมเต็มช่องว่างและให้ความลึกแก่ตัวละครเอกฝ่ายหญิงที่เคยสร้างปรากฏการณ์ไว้ การตัดสินใจสร้างภาพยนตร์ที่เน้นเรื่องราวของตัวละครเดี่ยวเช่นนี้ ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญ เพราะเป็นการเปลี่ยนจากสูตรสำเร็จของแฟรนไชส์ที่มักจะมี แม็กซ์ ร็อกคาแทนสกี้ เป็นศูนย์กลางของเรื่องราว แต่ในภาคนี้ เขาเป็นเพียงตำนานที่ถูกกล่าวถึง ขณะที่สปอตไลท์ทั้งหมดฉายไปยังการเดินทางอันแสนสาหัสของฟูริโอซ่า
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแฟน ๆ ของแฟรนไชส์ เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงภาคต่อหรือภาคแยกธรรมดา แต่เป็นการขยายโลกทัศน์และตำนานของดินแดนรกร้าง (The Wasteland) ให้กว้างไกลและซับซ้อนยิ่งขึ้น ผู้ชมจะได้เห็นสถานที่ใหม่ ๆ กลุ่มอำนาจที่ไม่เคยปรากฏ และเข้าใจพลวัตทางการเมืองและการแย่งชิงทรัพยากรที่โหดร้ายกว่าเดิม เรื่องราวเน้นไปที่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดและการล้างแค้นของฟูริโอซ่าที่ถูกพรากจากบ้านเกิด “ดินแดนสีเขียว” ตั้งแต่ยังเด็ก และต้องเผชิญหน้ากับจอมเผด็จการอย่าง ดีเมนตัส ทำให้ภาพยนตร์มีโทนของมหากาพย์การเดินทางและการเติบโตของตัวละครที่ชัดเจน ผสมผสานกับฉากแอ็กชันไล่ล่าสุดระห่ำอันเป็นลายเซ็นของแฟรนไชส์นี้
เรื่องราวต้นกำเนิดและการเดินทางสู่การล้างแค้น
แกนกลางของ Furiosa: A Mad Max Saga คือการติดตามชีวิตของฟูริโอซ่าตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยสาว เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ณ “Green Place of Many Mothers” ดินแดนอุดมสมบูรณ์ที่ซ่อนตัวอยู่กลางความแห้งแล้ง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผันเมื่อฟูริโอซ่าถูกลักพาตัวโดยแก๊งไบค์เกอร์ที่นำโดยวอร์ลอร์ดนามว่า ดีเมนตัส เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การเดินทางอันยาวนานและโหดร้าย เธอถูกพรากจากทุกสิ่งที่เคยรู้จักและถูกลากเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและการแก่งแย่งชิงดี
ตลอดทั้งเรื่อง ผู้ชมจะได้เห็นการต่อสู้ดิ้นรนของฟูริโอซ่าเพื่อหาทางหนีและกลับไปยังบ้านเกิดของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ถูกหล่อหลอมด้วยไฟแค้นที่มีต่อดีเมนตัส ชายผู้ทำลายชีวิตของเธอ การเดินทางของเธอไม่ได้เป็นเพียงการหนีเอาตัวรอด แต่ยังเป็นการแสวงหาหนทางแก้แค้นและทวงคืนสิ่งที่สูญเสียไป เรื่องราวจะพาผู้ชมไปสำรวจสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในจักรวาล Mad Max เช่น เมืองป้อมปราการ Citadel, Gastown และ Bullet Farm ผ่านมุมมองของเธอ ทำให้เห็นถึงการเมืองอันซับซ้อนระหว่างเหล่าผู้นำเผด็จการ และการต่อสู้เพื่อควบคุมทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน กระสุน หรือแม้กระทั่งน้ำสะอาด
เป้าหมายสูงสุดของฟูริโอซ่าคือการกลับบ้าน แต่เส้นทางนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและการตัดสินใจที่ยากลำบาก เธอต้องเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่ง ปรับตัว และใช้ทุกสัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอดในดินแดนที่ไร้ซึ่งความปรานี การเดินทางครั้งนี้คือบททดสอบที่หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นนักรบหญิงผู้แข็งแกร่งและเป็นจักรพรรดินีที่ผู้ชมได้รู้จักใน Fury Road
เจาะลึกตัวละครหลัก: ฟันเฟืองสำคัญของเรื่องราว
ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของตัวละครหลักสองตัว ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งที่ขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้า นั่นคือ ฟูริโอซ่า และ ดีเมนตัส ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเต็มไปด้วยความซับซ้อน จากผู้จับกุมและเชลย สู่ศัตรูคู่อาฆาตที่ชะตากรรมผูกพันกันอย่างแยกไม่ออก
ฟูริโอซ่า: ตำนานนักรบหญิงผู้ไม่ยอมจำนน
Anya Taylor-Joy รับบทเป็นฟูริโอซ่าในวัยสาวได้อย่างน่าประทับใจ การแสดงของเธอเน้นไปที่การสื่อสารผ่านสายตาและท่าทางมากกว่าบทพูด ซึ่งสอดคล้องกับบุคลิกของตัวละครที่เก็บงำความรู้สึกและมุ่งมั่นอย่างเงียบขรึม ผู้ชมจะได้เห็นพัฒนาการของเธอตั้งแต่เด็กสาวผู้เปราะบางที่ถูกกระชากออกจากโลกที่ปลอดภัย ไปสู่การเป็นนักสู้ที่เต็มไปด้วยบาดแผลทางร่างกายและจิตใจ แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้ว่าภาพยนตร์จะใช้เวลาค่อนข้างนานในการปูพื้นเรื่องราวในวัยเด็ก ซึ่งบางส่วนอาจรู้สึกว่าการพัฒนาตัวละครยังไม่เด่นชัดเท่าที่ควร แต่ภาพรวมแล้ว การแสดงของ Taylor-Joy ก็สามารถทำให้ผู้ชมเชื่อได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของนักรบในตำนาน ความเงียบของเธอเต็มไปด้วยความหมาย ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความเศร้า หรือความหวังที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ภายใน
ดีเมนตัส: จอมเผด็จการคลั่งในคราบผู้ปลดปล่อย
Chris Hemsworth ได้สลัดภาพเทพเจ้าสายฟ้าที่คุ้นเคย มารับบท ดีเมนตัส วอร์ลอร์ดผู้โหดเหี้ยมและมีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ดีเมนตัสไม่ใช่ตัวร้ายมิติเดียว แต่เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน เขาเชื่อมั่นว่าตนเองคือ “ผู้รอดพ้น” และมองว่าการกระทำอันป่าเถื่อนของเขาคือหนทางสู่การปลดปล่อยผู้คนจากโลกเก่าที่ล่มสลาย การแสดงของ Hemsworth เต็มไปด้วยพลังและความบ้าคลั่ง เขาสามารถสลับระหว่างความโหดเหี้ยมกับการแสดงออกที่ดูเหมือนเป็นมิตรได้อย่างแนบเนียน ทำให้ตัวละครนี้น่าเกรงขามและคาดเดาไม่ได้
ดีเมนตัสถูกนำเสนอในบทบาทที่คล้ายผู้ปลดปล่อยประชาชนด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเป็น “ผู้รอดพ้น” ซึ่งมีภาพจำลองเหมือนพระคริสต์ในบางฉาก เสมือนมีความเป็นตำนานสัญลักษณ์ภายในเรื่องราว
ตัวละครของเขามีลักษณะเชิงสัญลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในฉากที่เขาพยายามสร้างภาพลักษณ์ของตนเองให้เป็นดั่งผู้ไถ่บาปหรือผู้นำทางจิตวิญญาณของเหล่าผู้ติดตาม ซึ่งสร้างความขัดแย้งที่น่าสนใจกับความโหดร้ายที่แท้จริงของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างดีเมนตัสกับฟูริโอซ่าเป็นเหมือนกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างเป็นผลผลิตของโลกที่โหดร้าย และการเผชิญหน้าของทั้งสองคือใจกลางของความขัดแย้งในภาพยนตร์เรื่องนี้
รีวิว Furiosa: มหากาพย์สุดเดือดสมการรอคอยในทุกมิติ
การประเมินภาพยนตร์ รีวิว Furiosa: มหากาพย์สุดเดือดสมการรอคอย จำเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ตั้งแต่การแสดง งานสร้าง ไปจนถึงหัวใจสำคัญของแฟรนไชส์อย่างฉากแอ็กชัน ซึ่งแต่ละส่วนก็มีทั้งจุดแข็งที่น่าชื่นชมและจุดที่อาจยังไม่สมบูรณ์แบบนัก
พลังการแสดงที่น่าจดจำ
จุดเด่นที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการแสดงของนักแสดงนำ ทั้ง Anya Taylor-Joy และ Chris Hemsworth ต่างทำหน้าที่ของตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ Taylor-Joy สามารถถ่ายทอดความแข็งกร้าวภายในและความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายใต้แววตาที่แน่วแน่ได้เป็นอย่างดี แม้บทพูดจะน้อย แต่ทุกการกระทำของเธอสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ Hemsworth ได้สร้างตัวร้ายที่น่าจดจำที่สุดคนหนึ่งในจักรวาล Mad Max เขาไม่ใช่แค่คนบ้าที่คลั่งอำนาจ แต่เป็นตัวละครที่มีปรัชญาเป็นของตัวเอง มีเสน่ห์แบบดิบเถื่อน และมีความเป็นมนุษย์ที่บิดเบี้ยวซ่อนอยู่ เคมีระหว่างนักแสดงทั้งสองแม้จะอยู่ในฐานะศัตรู แต่ก็เต็มไปด้วยแรงดึงดูดและความตึงเครียดที่ทำให้ผู้ชมไม่อาจละสายตาได้
งานสร้างภาพและบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์
ในด้านงานสร้าง Furiosa ยังคงรักษามาตรฐานระดับสูงที่ Fury Road ได้สร้างไว้ได้อย่างน่าทึ่ง บรรยากาศของโลกหลังการล่มสลายยังคงเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัว การออกแบบงานศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะที่ดัดแปลงอย่างวิจิตรพิสดาร เสื้อผ้าหน้าผมของตัวละคร หรือสถาปัตยกรรมของเมืองต่าง ๆ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดของผู้สร้าง อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตเล็กน้อยในบางฉากที่การใช้ CGI อาจจะดูลอยและไม่แนบเนียนเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับงานสตันท์จริงที่เน้นการปฏิบัติ (Practical Effects) ในภาคก่อน แต่โดยรวมแล้ว จุดด้อยเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออรรถรสของภาพยนตร์มากนัก นอกจากนี้ จังหวะการเล่าเรื่อง (Pacing) ในบางช่วงอาจจะรู้สึกช้าไปบ้าง โดยเฉพาะในช่วงต้นเรื่องที่เน้นการปูพื้นฐานชีวิตของฟูริโอซ่า ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมที่คาดหวังแอ็กชันแบบไม่หยุดหายใจต้องปรับตัวเล็กน้อย
ฉากแอ็กชัน: ความดิบเถื่อนที่แตกต่างอย่างมีชั้นเชิง
ฉากแอ็กชันใน Furiosa มีความหลากหลายและจัดเต็มไม่แพ้ภาคก่อนหน้า มีทั้งฉากไล่ล่าด้วยรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ การต่อสู้แบบตัวต่อตัวที่ดุเดือด และฉากสงครามขนาดย่อมที่ใช้ทั้งอาวุธปืนและอาวุธระยะประชิด อย่างไรก็ตาม สไตล์ของฉากแอ็กชันในภาคนี้มีความแตกต่างจาก Fury Road อย่างชัดเจน หาก Fury Road คือคอนเสิร์ตเพลงร็อกที่บ้าคลั่งและอัดแน่นไปด้วยความเดือดตลอดสองชั่วโมง Furiosa ก็เปรียบเสมือนมหากาพย์สงครามที่มีจังหวะจะโคนเฉียบคมกว่า มีช่วงเวลาให้พักหายใจและซึมซับเรื่องราว แอ็กชันในภาคนี้ถูกผูกร้อยเข้ากับการเดินทางและพัฒนาการของตัวละครอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ได้มีขึ้นเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อขับเคลื่อนเนื้อเรื่องและสะท้อนสภาวะจิตใจของฟูริโอซ่าในแต่ละช่วงเวลา ด้วยเหตุนี้ แม้ความบ้าคลั่งอาจลดลง แต่ความดิบเถื่อนและความรุนแรงกลับเข้มข้นขึ้น สมกับที่เป็นภาพยนตร์เรต R ที่นำเสนอความโหดร้ายของโลกหลังหายนะได้อย่างถึงแก่น
Furiosa ปะทะ Fury Road: ความเหมือนที่แตกต่าง
การเปรียบเทียบระหว่าง Furiosa: A Mad Max Saga และ Mad Max: Fury Road เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องอยู่ในจักรวาลเดียวกันและมีสุนทรียศาสตร์ที่ใกล้เคียงกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองเรื่องมีเป้าหมายและวิธีการเล่าเรื่องที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงและประเมินคุณค่าของ Furiosa ได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
องค์ประกอบ | Furiosa: A Mad Max Saga | Mad Max: Fury Road |
---|---|---|
รูปแบบการเล่าเรื่อง | มหากาพย์ (Epic) ที่ติดตามชีวิตตัวละครเป็นเวลายาวนาน แบ่งเป็นองก์ (Chapter) ชัดเจน | ภาพยนตร์แอ็กชันไล่ล่า (Chase Movie) ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ และต่อเนื่อง |
จุดเน้นของเนื้อหา | การพัฒนาตัวละครฟูริโอซ่า การล้างแค้น และการขยายจักรวาล | การเอาชีวิตรอด การหลบหนี และการปฏิวัติที่เข้มข้น |
จังหวะของเรื่อง (Pacing) | มีจังหวะช้าสลับเร็ว เพื่อสร้างมิติให้ตัวละครและโลก | เร็วและบ้าคลั่งแทบจะตลอดทั้งเรื่อง ไม่ปล่อยให้ผู้ชมได้พัก |
สไตล์ของฉากแอ็กชัน | หลากหลาย มีทั้งการต่อสู้ การซุ่มโจมตี และสงครามขนาดใหญ่ มีความดิบเถื่อน | เน้นการไล่ล่าด้วยยานพาหนะเป็นหลัก มีความต่อเนื่องและบ้าระห่ำ |
โทนโดยรวม | ดราม่า มหากาพย์สงคราม มีความหม่นและหนักหน่วงกว่า | แอ็กชันสุดขั้ว มีความตื่นเต้นและระทึกใจสูง |
ประเด็นที่น่าพิจารณาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์
แม้ว่า Furiosa จะเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับคำชมในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็มีประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างการเล่าเรื่องและจังหวะของภาพยนตร์ ประเด็นแรกที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งคือการใช้เวลาค่อนข้างนานในการเล่าเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของฟูริโอซ่า แม้ว่าส่วนนี้จะมีความสำคัญในการสร้างพื้นฐานทางอารมณ์และแรงจูงใจในการล้างแค้นของเธอ แต่ผู้ชมบางส่วนรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องในช่วงนี้ค่อนข้างยืดเยื้อ และการพัฒนาของตัวละครยังไม่เด่นชัดเท่าที่ควรจะเป็น ทำให้ช่วงแรกของภาพยนตร์อาจขาดแรงกระแทกไปบ้างเมื่อเทียบกับความคาดหวัง
ประเด็นต่อมาคือเรื่องของฉากแอ็กชัน โดยเฉพาะในช่วงท้ายของเรื่อง แม้ว่าภาพยนตร์จะเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันที่น่าตื่นตาตื่นใจตลอดเรื่อง แต่มีเสียงวิจารณ์ว่าฉากไคลแม็กซ์สุดท้ายอาจขาดความยิ่งใหญ่และอลังการเท่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับมาตรฐานที่ Fury Road เคยสร้างไว้ บางส่วนมองว่าการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายอาจจะขาดความสมจริงไปบ้างในบางแง่มุม อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นเหล่านี้อาจขึ้นอยู่กับความคาดหวังของผู้ชมแต่ละคน หากผู้ชมคาดหวังว่าจะได้เห็นภาพยนตร์ที่มีโครงสร้างและจังหวะแบบเดียวกับ Fury Road ก็อาจจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่หากมองว่า Furiosa คือภาพยนตร์มหากาพย์ที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง ประเด็นเหล่านี้ก็อาจไม่ใช่ข้อบกพร่องที่ร้ายแรงนัก แต่เป็นเพียงทางเลือกในการนำเสนอที่แตกต่างออกไป
บทสรุป: การขยายจักรวาลที่แฟน Mad Max ไม่ควรพลาด
โดยสรุปแล้ว Furiosa: A Mad Max Saga คือภาพยนตร์ที่สามารถตอบสนองความคาดหวังของแฟน ๆ เดนตายของจักรวาล Mad Max ได้เป็นอย่างดี มันคือการขยายโลกที่รกร้างและโหดร้ายให้มีมิติและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของหนึ่งในตัวละครหญิงที่ทรงพลังที่สุดในโลกภาพยนตร์ การแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Anya Taylor-Joy และ Chris Hemsworth เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เรื่องราวมีชีวิตและน่าติดตาม ขณะที่งานสร้างยังคงมาตรฐานความยิ่งใหญ่และดิบเถื่อนอันเป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ไว้ได้อย่างครบถ้วน
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่ได้มีจังหวะที่บ้าคลั่งและบีบคั้นอารมณ์แบบไม่หยุดพักเหมือน Mad Max: Fury Road และมีข้อวิจารณ์ในเรื่องจังหวะการเล่าเรื่องในช่วงต้น รวมถึง CGI ในบางฉาก แต่มันก็ทดแทนด้วยการเป็นภาพยนตร์แอ็กชันมหากาพย์สงครามที่มีความหนักแน่นและเฉียบคมในแบบของตัวเอง มันนำเสนอฉากแอ็กชันที่หลากหลายและมีความรุนแรงในระดับที่เข้มข้นกว่าเดิม ทำให้ Furiosa เป็นผลงานที่แตกต่างแต่ยังคงสมการรอคอย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบโลกหลังหายนะและต้องการเจาะลึกเรื่องราวเบื้องหลังของจักรพรรดินีฟูริโอซ่า นี่คือภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง