รีวิว Hierarchy วังวนแค้นโรงเรียนไฮโซ น่าดูไหม?
ซีรีส์เกาหลี Hierarchy หรือในชื่อไทย วังวนแค้นโรงเรียนไฮโซ ได้สร้างกระแสความสนใจบนแพลตฟอร์ม Netflix ด้วยการนำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ทางชนชั้นในรั้วโรงเรียนมัธยมปลายสุดหรู ซีรีส์เรื่องนี้สำรวจประเด็นความเหลื่อมล้ำ อำนาจ และความลับดำมืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังภาพลักษณ์อันสวยงามของเหล่าทายาทตระกูลแชโบล ผ่านการมาถึงของนักเรียนทุนคนใหม่ที่กล้าท้าทายระเบียบเดิมที่เป็นอยู่
ประเด็นสำคัญของซีรีส์

- การตีแผ่ระบบชนชั้น: หัวใจหลักของเรื่องคือการสะท้อนภาพความขัดแย้งระหว่างกลุ่มนักเรียนอภิสิทธิ์ชนกับนักเรียนทุน ซึ่งเป็นตัวแทนของความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่หยั่งรากลึก
- พล็อตแก้แค้นที่คุ้นเคย: โครงเรื่องขับเคลื่อนด้วยการสืบหาความจริงและการแก้แค้น ซึ่งเป็นแนวทางที่พบได้บ่อยในซีรีส์เกาหลี แต่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์บางอย่างสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบแนวดราม่าเข้มข้น
- ตัวละครที่มีมิติซับซ้อน: แม้โครงเรื่องหลักอาจไม่แปลกใหม่ แต่การพัฒนาของตัวละครบางตัว โดยเฉพาะตัวละครสมทบ มีความน่าสนใจและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องราวดำเนินต่อไปได้
- งานสร้างที่หรูหรา: ซีรีส์นำเสนอภาพลักษณ์ของโรงเรียนไฮโซได้อย่างสมจริงผ่านฉาก เสื้อผ้า และองค์ประกอบศิลป์ที่งดงาม สะท้อนถึงโลกของคนรวยได้อย่างชัดเจน
ภาพรวมและความรู้สึกแรก
รีวิว Hierarchy วังวนแค้นโรงเรียนไฮโซ น่าดูไหม? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อเห็นซีรีส์เรื่องนี้ผ่านตา สำหรับความรู้สึกแรก ซีรีส์เปิดตัวด้วยบรรยากาศลึกลับและน่าติดตาม ชวนให้นึกถึงส่วนผสมระหว่าง Elite และ The Heirs ที่นำเสนอโลกของวัยรุ่นไฮโซซึ่งเต็มไปด้วยความลับและอันตราย อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ความลึกลับซับซ้อนที่คาดหวังกลับถูกแทนที่ด้วยดราม่าความรักสามเส้าและพล็อตการแก้แค้นที่ค่อนข้างเดินตามสูตรสำเร็จ ทำให้ภาพรวมของซีรีส์อาจไม่ได้สดใหม่หรือเฉียบคมเท่าที่ควร แต่ยังคงมอบความบันเทิงในฐานะซีรีส์วัยรุ่นที่ดูง่ายและมีประเด็นทางสังคมให้ขบคิด
บทวิจารณ์เชิงลึก
Hierarchy พยายามเจาะลึกเข้าไปในจิตใจของตัวละครที่ถูกหล่อหลอมโดยสถานะทางสังคม แต่การนำเสนอกลับขาดความลึกซึ้งในบางมิติ ทำให้ประเด็นที่ควรจะทรงพลังกลับดูเบาบางลงไปอย่างน่าเสียดาย
โครงเรื่องและบท (Script & Plot)
จุดแข็งของซีรีส์คือการวางธีมเรื่องการต่อสู้ทางชนชั้นไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น การแบ่งแยกนักเรียนออกเป็น “ผู้ปกครอง” และ “ผู้ถูกปกครอง” ในโรงเรียนจูชินสร้างความขัดแย้งที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม บทภาพยนตร์กลับเดินเรื่องไปในทิศทางที่ซ้ำซากและคาดเดาได้ง่าย พล็อตการแก้แค้นของตัวละครเอกอย่าง คังฮา ดูเหมือนจะขาดน้ำหนักและแรงจูงใจที่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปกับการกระทำของเขาได้ตลอดรอดฝั่ง
นอกจากนี้ การให้น้ำหนักกับเรื่องราวความรักสามเส้าระหว่างตัวละครหลัก ทำให้ประเด็นการสืบสวนคดีและการเปิดโปงความลับดำมืดของโรงเรียนถูกลดทอนความสำคัญลงไป บทสนทนาในหลายฉากยังให้ความรู้สึกที่ดูประดิษฐ์เกินจริง ทำให้ขาดความเป็นธรรมชาติและไม่สามารถสร้างแรงกระทบทางอารมณ์ได้อย่างเต็มที่
การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)
ทีมนักแสดงส่วนใหญ่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ ซึ่งถือเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือความสดใหม่ แต่ข้อเสียคือการแสดงที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางในบางครั้ง อีแชมิน ในบท คังฮา สามารถถ่ายทอดความลึกลับและมุ่งมั่นได้ดี แต่เคมีระหว่างเขากับนักแสดงนำหญิงยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ในทางกลับกัน ตัวละครอย่าง ยุนเฮรา ที่รับบทโดย จีฮเยวอน กลับมีมิติที่น่าสนใจและมีการพัฒนาที่ชัดเจนกว่าตัวละครนางเอก ทำให้กลายเป็นตัวละครที่ขโมยซีนและเป็นที่จดจำมากกว่า
ปัญหาหลักของการแสดงคือความพยายามที่จะนำเสนอภาพลักษณ์ของวัยรุ่นไฮโซในแบบ “วอนนาบีสไตล์อเมริกัน” ซึ่งทำให้การแสดงออกของตัวละครบางตัวดูเกร็งและไม่เป็นธรรมชาติ ขาดความสมจริงในบริบทของสังคมเกาหลีไปบ้าง
งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)
ในด้านงานสร้าง Hierarchy ทำได้อย่างยอดเยี่ยมตามมาตรฐานซีรีส์เกาหลีระดับสูง การออกแบบฉากโรงเรียนจูชินมีความหรูหราอลังการ สามารถสะท้อนถึงโลกของอภิสิทธิ์ชนได้อย่างสมจริง การถ่ายภาพ (Cinematography) มีความสวยงาม มุมกล้องและการใช้แสงช่วยสร้างบรรยากาศที่กดดันและลึกลับได้เป็นอย่างดี ดนตรีประกอบและเพลงประกอบซีรีส์ถูกเลือกใช้เพื่อเสริมอารมณ์ในแต่ละฉากได้อย่างเหมาะสม แม้จะไม่ได้โดดเด่นจนเป็นที่จดจำมากนัก แต่ก็ทำหน้าที่ของมันได้ดี
ฉาก/ไฮไลต์ที่น่าจดจำ
ฉากที่น่าจดจำที่สุดฉากหนึ่งคือตอนที่ คังฮา นักเรียนทุนเพียงคนเดียว กล้ายืนขึ้นท้าทายกฎระเบียบที่ไร้เหตุผลของ จองแจอี ราชินีแห่งโรงเรียนจูชิน ต่อหน้านักเรียนคนอื่นๆ ในโรงอาหาร การเผชิญหน้าครั้งนั้นไม่ได้เป็นเพียงการปะทะกันของตัวละครสองคน แต่เป็นสัญลักษณ์ของการปะทะกันระหว่าง “โลกเก่า” ที่ขับเคลื่อนด้วยอำนาจและอภิสิทธิ์ กับ “โลกใหม่” ที่เรียกร้องความเท่าเทียมและยุติธรรม แววตาที่แน่วแน่ของคังฮาและความเงียบงันของทุกคนในที่นั้นได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ที่บ่งบอกว่า “เกม” กำลังจะเปลี่ยนไป
สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ
- ธีมเรื่องที่ชัดเจน: การนำเสนอประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมและระบบชนชั้นในโรงเรียนทำได้อย่างตรงไปตรงมาและน่าสนใจ
- ตัวละครสมทบที่โดดเด่น: ตัวละครอย่าง ยุนเฮรา มีการพัฒนาที่น่าติดตามและมีมิติที่ลึกซึ้งกว่าตัวละครหลักบางตัว
- งานภาพและโปรดักชัน: ภาพสวยงาม ฉากและเสื้อผ้าอลังการ สะท้อนโลกของคนรวยได้เป็นอย่างดี
- พล็อตที่ซ้ำซาก: เนื้อเรื่องการแก้แค้นและการบูลลี่ในโรงเรียนเป็นพล็อตที่ขาดความสดใหม่และคาดเดาได้ง่าย
- การแสดงที่ยังไม่ลงตัว: การแสดงของนักแสดงหน้าใหม่บางคนยังดูแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้ความสมจริงลดลง
- ปมหลักที่อ่อนแอ: ประเด็นการสืบสวนคดีและการแก้แค้นกลับถูกบดบังด้วยเรื่องราวดราม่าความรัก ทำให้ขาดความเข้มข้น
| องค์ประกอบ | บทวิเคราะห์ | คะแนน |
|---|---|---|
| โครงเรื่องและบท | พล็อตแก้แค้นที่คาดเดาง่ายและขาดความแปลกใหม่ แม้จะมีธีมที่น่าสนใจ แต่การดำเนินเรื่องยังไม่แข็งแรงพอ | 5/10 |
| การแสดงและตัวละคร | การแสดงโดยรวมอยู่ในระดับกลางๆ ตัวละครสมทบบางตัวมีความน่าสนใจกว่าตัวละครหลัก เคมีของคู่พระนางยังไม่เด่นชัด | 6/10 |
| งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ | โปรดักชันคุณภาพสูง ภาพสวยงาม ฉากและคอสตูมมีความหรูหราสมจริงตามท้องเรื่อง | 8/10 |
| ความบันเทิงโดยรวม | เป็นซีรีส์ที่ดูได้เพลินๆ หากไม่คาดหวังความลึกซึ้งหรือความซับซ้อนของเนื้อเรื่อง เหมาะสำหรับแฟนแนวดราม่าโรงเรียนไฮโซ | 6/10 |
บทสรุปและคะแนน
โดยสรุปแล้ว Hierarchy เป็นซีรีส์ที่ดูสนุกได้ในระดับหนึ่ง ด้วยงานสร้างที่น่าประทับใจและธีมเรื่องที่น่าสนใจ แต่กลับสะดุดลงด้วยบทภาพยนตร์ที่เดินตามสูตรสำเร็จและขาดความเฉียบคมในการเล่าเรื่อง แม้จะพยายามสร้างโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางชนชั้น แต่ก็ไม่สามารถเจาะลึกไปถึงแก่นของปัญหาได้อย่างที่ควรจะเป็น ทำให้กลายเป็นเพียงซีรีส์ดราม่าวัยรุ่นที่เน้นความรักและความแค้นส่วนตัวมากกว่าการวิพากษ์สังคมอย่างทรงพลัง
คะแนน (Score)
★★★★★★★★★★
5.5 / 10
เป็นซีรีส์ที่มีศักยภาพแต่ไปไม่สุดทาง มอบความบันเทิงแบบผิวเผิน แต่ขาดความลุ่มลึกที่น่าจดจำ
คำแนะนำ (Recommendation)
ซีรีส์เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบแนวดราม่าในโรงเรียนไฮโซ, เรื่องราวความรักของวัยรุ่น, และพล็อตการแก้แค้นที่ไม่ซับซ้อนมากนัก หากเป็นแฟนของซีรีส์อย่าง Elite, The Heirs, หรือ Gossip Girl และกำลังมองหาซีรีส์ที่ดูง่าย มีภาพสวยงาม และไม่ต้องคิดวิเคราะห์มาก Hierarchy ก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม หากกำลังมองหาซีรีส์ระทึกขวัญ-สืบสวนที่เข้มข้น หรือบทวิพากษ์สังคมที่เฉียบคม อาจต้องมองข้ามเรื่องนี้ไป
ท้ายที่สุดแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ได้ทิ้งคำถามสำคัญไว้ให้ขบคิด หากโครงสร้างทางสังคมคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เหตุใดเราจึงยอมจำนนต่อโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นนี้ด้วยความเต็มใจ?
