ไทม์ไลน์ X-Men ที่ต้องรู้ก่อนดู Deadpool & Wolverine

การทำความเข้าใจจักรวาลภาพยนตร์ X-Men ที่ดำเนินมายาวนานกว่าสองทศวรรษเป็นสิ่งสำคัญก่อนการมาถึงของภาพยนตร์เรื่องใหม่ การวิเคราะห์ ไทม์ไลน์ X-Men ที่ต้องรู้ก่อนดู Deadpool & Wolverine จะช่วยให้เห็นภาพความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนของเหตุการณ์และตัวละคร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น การเดินทางผ่านเส้นเวลาที่แตกแขนงและถูกแก้ไขใหม่หลายครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเพิ่มอรรถรสในการรับชม แต่ยังเป็นการสำรวจมรดกทางภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยการตีความใหม่และเรื่องราวที่คาดไม่ถึง

ประเด็นสำคัญที่ต้องรู้

• จักรวาลภาพยนตร์ X-Men มีเส้นเวลาหลักสองเส้น คือไทม์ไลน์ดั้งเดิม (Original Timeline) และไทม์ไลน์ที่ถูกแก้ไข (Revised Timeline) ซึ่งเกิดจากการเดินทางข้ามเวลาในภาค Days of Future Past
• ภาพยนตร์ Deadpool และ Deadpool 2 ดำเนินเรื่องอยู่ในจักรวาลของ Fox X-Men แต่มีลักษณะที่ตระหนักรู้ในตัวเอง (Self-aware) และมีการแทรกแซงเส้นเวลา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยข้ามมิติ
• Logan นำเสนอเรื่องราวในอนาคตที่เป็นบทสรุปอันน่าเศร้าของวูล์ฟเวอรีน ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ของเส้นเวลาที่แยกออกมา
• Deadpool & Wolverine จะเป็นการสำรวจและเชื่อมโยงมรดกของจักรวาล Fox X-Men เข้ากับมัลติเวิร์สของ MCU ผ่านองค์กร Time Variance Authority (TVA) ซึ่งเคยปรากฏในซีรีส์ Loki

การเดินทางผ่านกาลเวลา: ภาพรวมจักรวาล X-Men

จักรวาลภาพยนตร์ X-Men เปรียบเสมือนพงศาวดารที่ถูกเขียนทับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เส้นเวลาที่แตกแขนงและพันกันยุ่งเหยิงไม่ได้เป็นเพียงข้อผิดพลาดทางความต่อเนื่อง แต่มันได้กลายเป็นหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนเรื่องราว การมาถึงของ Deadpool & Wolverine ไม่ใช่แค่การรวมตัวของสองตัวละครอันเป็นที่รัก แต่เป็นการเฉลิมฉลองและอาจเป็นการสะสางประวัติศาสตร์อันซับซ้อนนี้ การทำความเข้าใจการเดินทางของโลแกนตั้งแต่จุดเริ่มต้น การก่อตั้งทีม X-Men และจุดแตกหักที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง คือกุญแจสำคัญในการถอดรหัสความโกลาหลที่กำลังจะอุบัติขึ้น

บทวิเคราะห์เชิงลึก: การแตกแขนงของเส้นเวลา

การวิเคราะห์ไทม์ไลน์ของ X-Men ต้องแบ่งออกเป็นยุคสมัยต่างๆ ที่มีเหตุการณ์สำคัญเป็นตัวกำหนดทิศทางของเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่จุดกำเนิดของเหล่ามิวแทนท์ไปจนถึงอนาคตที่เป็นไปได้

โครงเรื่องและบท: การเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่

โครงเรื่องของจักรวาล X-Men สามารถแบ่งออกเป็นสามส่วนหลักที่เกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน ได้แก่ เส้นเวลาดั้งเดิม, จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ, และเส้นเวลาที่ถูกแก้ไขใหม่

เส้นเวลาดั้งเดิม (Original Timeline): เส้นเวลานี้เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ในอดีตของโลแกนใน X-Men Origins: Wolverine (2009) ซึ่งเผยให้เห็นที่มาของกรงเล็บอดาแมนเทียมและความทรงจำที่หายไป ตามมาด้วยภาพยนตร์ไตรภาคหลัก X-Men (2000), X2: X-Men United (2003), และ X-Men: The Last Stand (2006) ที่บอกเล่าการต่อสู้ของทีม X-Men ในยุคปัจจุบัน ต่อด้วย The Wolverine (2013) ที่พาโลแกนไปสู่การเดินทางในญี่ปุ่นหลังเหตุการณ์ใน The Last Stand เส้นเวลานี้จบลงด้วยอนาคตอันมืดมนที่เหล่ามิวแทนท์ถูกตามล่าโดยเซนทิเนลส์ ซึ่งเป็นฉากหลังของช่วงเวลาอนาคตใน Days of Future Past

จุดเปลี่ยนแห่งกาลเวลา: ภาพยนตร์ X-Men: First Class (2011) ทำหน้าที่เป็นปฐมบท เล่าย้อนไปถึงยุค 1960s ที่ชาร์ลส์ ซาเวียร์ และเอริค เลนเชอร์ ยังเป็นสหายร่วมอุดมการณ์ ก่อนจะแตกหักกันในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนที่แท้จริงคือ X-Men: Days of Future Past (2014) ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้การเดินทางข้ามเวลาเป็นแกนกลาง โดยส่งจิตสำนึกของวูล์ฟเวอรีนจากอนาคตกลับไปยังร่างของเขาในปี 1973 เพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่การสร้างเซนทิเนลส์ การกระทำนี้ประสบความสำเร็จและได้ “เขียนทับ” ประวัติศาสตร์เดิม สร้างเส้นเวลาใหม่ขึ้นมา

เส้นเวลาที่ถูกแก้ไข (Revised Timeline): หลังจากเหตุการณ์ใน Days of Future Past, อนาคตได้เปลี่ยนไป ไตรภาคดั้งเดิมถูกลบล้างและแทนที่ด้วยเรื่องราวใหม่ที่เกิดขึ้นในเส้นเวลานี้ ได้แก่ X-Men: Apocalypse (2016) และ Dark Phoenix (2019) ซึ่งติดตามเรื่องราวของทีม X-Men รุ่นเยาว์ที่นำโดยชาร์ลส์ในเวอร์ชันของเจมส์ แม็คอะวอย นอกจากนี้ ภาพยนตร์ Deadpool (2016) และ Deadpool 2 (2018) ก็ดำเนินเรื่องอยู่ในเส้นเวลานี้เช่นกัน แต่ด้วยธรรมชาติของตัวละครเดดพูลที่สามารถทำลายกำแพงที่สี่และรับรู้ถึงการเป็นตัวละครในภาพยนตร์ ทำให้เขามีอิสระที่จะป่วนไทม์ไลน์ได้อย่างไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการใช้เครื่องย้อนเวลาของเคเบิลในตอนท้ายของภาคสอง ซึ่งเป็นการบอกใบ้ถึงบทบาทของเขาในฐานะผู้เดินทางข้ามมิติ

ตัวละคร: ภาพสะท้อนผ่านกาลเวลา

ตัวละครในจักรวาล X-Men ไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องเล่า แต่เป็นภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบจากเส้นเวลาที่แตกต่างกัน

วูล์ฟเวอรีน/โลแกน: เขาคือแกนกลางที่เชื่อมโยงทุกเส้นเวลาเข้าด้วยกัน การเดินทางของเขาคือการค้นหาตัวตนที่ถูกลบเลือน ตั้งแต่การเป็นเครื่องมือในโครงการ Weapon X, การเป็นสมาชิกผู้พิทักษ์ของ X-Men, ไปจนถึงการเป็นบุรุษผู้เหนื่อยล้าใน Logan (2017) ซึ่งเป็นบทสรุปที่เป็นไปได้ในอนาคตอันห่างไกลและโดดเดี่ยว การกลับมาของเขาใน Deadpool & Wolverine จึงเป็นการตั้งคำถามต่อชะตากรรมที่เคยถูกกำหนดไว้แล้ว

ชาร์ลส์ ซาเวียร์ และ เอริค เลนเชอร์: ความสัมพันธ์ของทั้งสองคือหัวใจของความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์ในโลกของมิวแทนท์ การได้เห็นทั้งเวอร์ชันหนุ่ม (เจมส์ แม็คอะวอย และ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) และเวอร์ชันอาวุโส (แพทริค สจ๊วต และ เอียน แม็คเคลเลน) ทำให้ผู้ชมเข้าใจความซับซ้อนของมิตรภาพและความเป็นศัตรูที่ก่อร่างสร้างตัวตนของพวกเขาและโลกทั้งใบ

เดดพูล: เวด วิลสัน คือความผิดปกติของระบบ เขาคือตัวแปรที่ไม่อยู่ในสมการใดๆ การตระหนักรู้ในตัวเองทำให้เขาสามารถวิพากษ์วิจารณ์ความยุ่งเหยิงของไทม์ไลน์ได้อย่างเจ็บแสบ การกระทำของเขาในตอนท้าย Deadpool 2 ที่ย้อนเวลากลับไปแก้ไข “ความผิดพลาด” ของจักรวาล (เช่น การลบตัวละครเดดพูลในภาค Origins) คือการประกาศตัวว่าเขาไม่ได้เป็นแค่ตัวละคร แต่เป็นผู้ควบคุมเรื่องเล่าของตัวเอง

งานสร้าง: การควบคุมความโกลาหล

เบื้องหลังความซับซ้อนของไทม์ไลน์ คือความพยายามของทีมผู้สร้างในการจัดการกับแฟรนไชส์ที่มีอายุยาวนาน Days of Future Past ไม่ใช่แค่จุดหักเหในเรื่องเล่า แต่เป็นเครื่องมือที่ชาญฉลาดในการ “รีบูต” จักรวาลอย่างนุ่มนวล เพื่อเปิดทางให้เรื่องราวใหม่ๆ และแก้ไขความไม่ต่อเนื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นจากภาพยนตร์ภาคก่อนๆ

การเดินทางข้ามเวลาไม่ใช่การลบอดีต แต่เป็นการสร้างอนาคตใหม่ขึ้นมาเคียงข้าง ความทรงจำยังคงอยู่ แม้ว่าเส้นทางจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม

การมาถึงขององค์กร Time Variance Authority (TVA) ใน Deadpool & Wolverine ถือเป็นการยกระดับแนวคิดนี้ไปอีกขั้น TVA ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ “เส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์” ในจักรวาลมาร์เวล (MCU) กำลังจะเข้ามาจัดการกับจักรวาล Fox X-Men ที่พวกเขาเรียกว่า Earth-10005 นี่คือการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าความโกลาหลของไทม์ไลน์ X-Men นั้นมีอยู่จริง และมันใหญ่พอที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้ควบคุมมัลติเวิร์ส การผสมผสานนี้จึงไม่ใช่แค่การครอสโอเวอร์ แต่เป็นการหลอมรวมจักรวาลภาพยนตร์สองแห่งเข้าด้วยกันโดยมีเดดพูลและวูล์ฟเวอรีนเป็นศูนย์กลาง

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในจักรวาล X-Men

เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การเรียงลำดับภาพยนตร์ตามไทม์ไลน์ของเหตุการณ์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการติดตามเรื่องราวที่ซับซ้อนนี้

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบในความซับซ้อนนี้

• สิ่งที่ชอบ: ความทะเยอทะยานในการเล่าเรื่องผ่านหลายทศวรรษ, การพัฒนาตัวละครที่ลึกซึ้งโดยเฉพาะโลแกนและชาร์ลส์, และการใช้ Days of Future Past เป็นเครื่องมือในการแก้ไขและขยายจักรวาลอย่างสร้างสรรค์
• สิ่งที่ชอบ: ความหลากหลายของโทนเรื่อง ตั้งแต่ดราม่าหนักหน่วงใน Logan ไปจนถึงความตลกร้ายเสียดสีใน Deadpool ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของแฟรนไชส์
• สิ่งที่ไม่ชอบ: ความไม่ต่อเนื่องและข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างภาพยนตร์แต่ละภาค ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ชมทั่วไป
• สิ่งที่ไม่ชอบ: การลดทอนความสำคัญของตัวละครบางตัวในภาพยนตร์ภาคหลังๆ ของเส้นเวลาใหม่ ทำให้ไม่สามารถสร้างผลกระทบทางอารมณ์ได้เท่าที่ควร

บทสรุป: การมาบรรจบของจักรวาล

ท้ายที่สุดแล้ว ไทม์ไลน์ X-Men ที่ต้องรู้ก่อนดู Deadpool & Wolverine ไม่ใช่เพียงแค่การบ้านที่ต้องทำ แต่เป็นแผนที่สู่การผจญภัยที่เต็มไปด้วยการอ้างอิง ประวัติศาสตร์ และความเคารพต่อสิ่งที่ผ่านมา ความยุ่งเหยิงของมันคือเสน่ห์ และการมาถึงของ Deadpool & Wolverine ก็คือการยอมรับและเฉลิมฉลองความโกลาหลนั้นอย่างเต็มภาคภูมิ การเตรียมตัวด้วยการทำความเข้าใจเส้นทางที่ผ่านมา จะทำให้ทุกมุกตลก ทุกการกระทำ และทุกการสูญเสียในภาพยนตร์ที่กำลังจะมาถึงมีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น

คำแนะนำ

การทำความเข้าใจไทม์ไลน์นี้เหมาะสำหรับผู้ชมทุกคนที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การรับชม Deadpool & Wolverine อย่างเต็มอรรถรส โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนๆ ของแฟรนไชส์ X-Men ดั้งเดิม, ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีมิติซับซ้อน, และผู้ติดตามจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลที่ต้องการเห็นการเชื่อมต่อของมัลติเวิร์สครั้งประวัติศาสตร์

หากเราสามารถย้อนกลับไปแก้ไข ‘เส้นเวลา’ ของชีวิตได้ การลบความเจ็บปวดจะพรากความเป็นตัวตนของเราไปด้วยหรือไม่?