ai generated 626

รีวิว Hierarchy: แฉลับโรงเรียนไฮโซ คุ้มค่าแก่การดู?

ซีรีส์เกาหลี Hierarchy หรือในชื่อไทย “วังวนสงครามชนชั้น” ได้สร้างกระแสบน Netflix ด้วยการนำเสนอภาพโรงเรียนมัธยมปลายสุดหรูที่เปลือกนอกดูงดงาม แต่ภายในกลับเน่าเฟะด้วยระบบลำดับชั้นวรรณะอันแข็งแกร่ง ที่ซึ่งอำนาจและเงินตราเป็นตัวกำหนดทุกสิ่ง ซีรีส์เรื่องนี้พาผู้ชมดำดิ่งสู่โลกของ “โรงเรียนมัธยมจูชิน” สถานศึกษาสำหรับทายาทกลุ่มแชโบล 0.01% ของเกาหลีใต้ ที่ซึ่งระเบียบและกฎเกณฑ์ถูกควบคุมโดยนักเรียนกลุ่มหนึ่ง แต่แล้วการมาถึงของนักเรียนทุนปริศนาคนหนึ่ง ก็ได้เริ่มต้นสร้างรอยร้าวให้กับโครงสร้างที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสั่นคลอนนี้

ภาพรวมและความรู้สึกแรก

รีวิว Hierarchy: แฉลับโรงเรียนไฮโซ คุ้มค่าแก่การดู? - hierarchy-netflix-k-drama-review

ทันทีที่เปิดฉาก Hierarchy ได้สาดภาพความหรูหราฟุ่มเฟือยใส่ผู้ชมอย่างไม่ยั้ง ทั้งเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพง รถยนต์ซูเปอร์คาร์ และสถาปัตยกรรมของโรงเรียนที่โอ่อ่าราวกับพระราชวัง สิ่งเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นฉากหน้าที่สวยงาม เพื่อขับเน้นความมืดมิดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังได้อย่างทรงพลัง ความรู้สึกแรกคือความคุ้นเคยกับพล็อตแนวสงครามชนชั้นในโรงเรียน ซึ่งเป็นที่นิยมในซีรีส์เกาหลี แต่ในขณะเดียวกันก็ชวนให้สงสัยว่า Hierarchy จะสามารถนำเสนอประเด็นที่ซ้ำซากนี้ออกมาในมุมมองใหม่ที่น่าสนใจได้หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงภาพจำลองของซีรีส์รุ่นพี่ที่เคยประสบความสำเร็จไปแล้ว ซีรีส์เริ่มต้นด้วยปมปริศนาการตายของนักเรียนทุนคนก่อน ซึ่งกลายเป็นเชื้อไฟให้ตัวเอกอย่าง “คังฮา” ก้าวเข้ามาเพื่อท้าทายและรื้อถอนระบบที่กดขี่นี้

บทวิจารณ์เชิงลึก

เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดของ Hierarchy จะพบว่าซีรีส์พยายามจะวิพากษ์สังคมอย่างเข้มข้น ผ่านโลกจำลองของโรงเรียนมัธยมจูชิน ที่ซึ่งลำดับชั้นทางสังคมไม่ได้เป็นเพียงเรื่องนามธรรม แต่เป็นกฎเหล็กที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม การแบ่งแยกนักเรียนทุนออกจากกลุ่มนักเรียนอภิสิทธิ์ชน การใช้อำนาจเพื่อกลั่นแกล้งรังแก และการปกปิดความผิดด้วยอิทธิพลของผู้ใหญ่ ล้วนเป็นภาพสะท้อนของปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นจริงในสังคมวงกว้าง

โครงเรื่องและบท (Script & Plot)

แกนหลักของเรื่องราวคือภารกิจการแก้แค้นของคังฮา (รับบทโดย อีแชมิน) นักเรียนทุนผู้มีรอยยิ้มสดใสแต่แววตาซ่อนความมุ่งมั่น เขาเข้ามาในโรงเรียนจูชินเพื่อสืบหาความจริงเบื้องหลังการตายของพี่ชาย และตั้งใจจะโค่นล้ม “ราชา” อย่าง คิมรีอัน (รับบทโดย คิมแจวอน) ทายาทจูชินกรุ๊ปผู้กุมอำนาจสูงสุดในโรงเรียน พล็อตการแก้แค้นนี้ถูกผูกโยงเข้ากับความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น จองแจอี (รับบทโดย โนจองอี) “ราชินี” ผู้ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบแต่กลับมีความลับดำมืด และคู่รักทายาทตระกูลคู่แข่งอย่าง ยุนเฮรา (รับบทโดย จีฮเยวอน) และ อีอูจิน (รับบทโดย อีวอนจอง)

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพล็อตจะมีความน่าสนใจในตอนต้น แต่การดำเนินเรื่องกลับมีจุดอ่อนที่เห็นได้ชัด บทขาดความเฉียบคมในการคลี่คลายปมปริศนา หลายสถานการณ์ดูถูกบีบให้เกิดขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล การแก้แค้นของคังฮาบางครั้งดูผิวเผินและขาดชั้นเชิง ทำให้ความตึงเครียดของเรื่องลดลงไป ซีรีส์พยายามจะสร้างบรรยากาศให้คล้ายกับซีรีส์วัยรุ่นตะวันตกชื่อดังอย่าง ELITE แต่ทำได้ไม่ถึงแก่นในแง่ของบทสนทนาที่เชือดเฉือนและความซับซ้อนของตัวละคร การเล่าเรื่องใน 7 ตอนยังรู้สึกว่าเป็นการยัดเยียดองค์ประกอบหลายอย่างเข้ามามากเกินไป ทั้งเรื่องชนชั้น, การฆาตกรรม, ความรักสามเส้า และปมครอบครัว ทำให้ไม่มีประเด็นไหนที่ถูกสำรวจอย่างลึกซึ้งพอ

การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)

Hierarchy เลือกใช้นักแสดงดาวรุ่งหน้าใหม่เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนในเวลาเดียวกัน ด้านหนึ่งคือความสดใหม่ที่น่าจับตา แต่อีกด้านหนึ่งคือประสบการณ์การแสดงที่ยังไม่สามารถแบกรับบทบาทที่ต้องใช้อารมณ์ซับซ้อนได้ตลอดรอดฝั่ง ในหลายฉากสำคัญ การแสดงออกทางอารมณ์ของนักแสดงบางคนยังดูไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ชมไม่สามารถเชื่อมโยงหรืออินไปกับชะตากรรมของตัวละครได้เท่าที่ควร

ตัวละครเองก็ถูกเขียนขึ้นมาบนพื้นฐานของพิมพ์นิยม (Stereotype) ที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง คังฮาคือตัวแทนของคนจนที่ลุกขึ้นสู้, คิมรีอันคือทายาทผู้เย็นชาและใช้อำนาจ, จองแจอีคือเจ้าหญิงน้ำแข็งผู้มีปมในใจ แม้จะมีความพยายามสร้างมิติให้ตัวละครเหล่านี้ในช่วงท้าย แต่ก็ดูเร่งรัดและไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร ความสัมพันธ์แบบรักสามเส้าระหว่าง คังฮา-แจอี-รีอัน ซึ่งควรจะเป็นแรงขับเคลื่อนทางอารมณ์ที่สำคัญ กลับดูขาดเคมีที่ทรงพลัง ทำให้กลายเป็นส่วนที่น่าอึดอัดมากกว่าน่าติดตาม

เบื้องหลังกำแพงที่สวยงามของโรงเรียนจูชิน คือสนามรบที่มองไม่เห็น ที่ซึ่งสถานะทางสังคมคืออาวุธ และความลับคือเกราะป้องกันตัว

งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)

จุดที่ต้องชื่นชมอย่างไม่ต้องสงสัยคืองานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ Hierarchy ทุ่มเทอย่างมากในการสร้างโลกของชนชั้นสูงให้ออกมาน่าเชื่อถือและน่าตื่นตาตื่นใจ ทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่เครื่องแบบนักเรียนที่ดูหรูหราไปจนถึงฉากหลังของโรงเรียนที่ยิ่งใหญ่, ปาร์ตี้สุดอลังการ, และคฤหาสน์ของตัวละคร ล้วนถูกออกแบบมาอย่างประณีต การใช้ภาพและแสงสีทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการใช้โทนสีที่ตัดกันระหว่างโลกที่สดใสของนักเรียนทั่วไป กับโลกที่ดูหม่นหมองและเต็มไปด้วยเงาของกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ดนตรีประกอบก็ช่วยเสริมบรรยากาศลึกลับและกดดันได้เป็นอย่างดี แม้งานภาพจะสวยงามไร้ที่ติ แต่ก็ไม่อาจชดเชยข้อบกพร่องในส่วนของบทและการแสดงได้ทั้งหมด

ฉาก/ไฮไลต์ที่น่าจดจำ

ฉากที่เป็นภาพแทนของซีรีส์ทั้งเรื่อง คือฉากที่คังฮาปรากฏตัวในงานเลี้ยงต้อนรับนักเรียนใหม่ด้วยท่าทีที่ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใดๆ ขณะที่นักเรียนคนอื่นก้มหัวให้กับคิมรีอัน คังฮากลับเดินเข้าไปเผชิญหน้าอย่างท้าทาย พร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นปริศนา ฉากนี้ไม่ได้เป็นเพียงการปะทะกันของสองตัวละคร แต่เป็นการปะทะกันของสองโลก คือโลกของสามัญชนที่ยึดมั่นในความถูกต้อง กับโลกของอภิสิทธิ์ชนที่เชื่อว่ากฎเกณฑ์มีไว้สำหรับคนอื่น การกระทำของคังฮาเปรียบเสมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในน้ำนิ่งๆ สร้างแรงกระเพื่อมที่ค่อยๆ ขยายวงกว้าง และสั่นคลอนรากฐานของ “ลำดับชั้น” ที่ทุกคนเคยยอมรับโดยดุษฎี

ตารางสรุปการวิเคราะห์องค์ประกอบหลักของซีรีส์ Hierarchy
องค์ประกอบ การวิเคราะห์ ผลลัพธ์
โครงเรื่องและบท พล็อตแก้แค้นในโรงเรียนไฮโซมีความน่าสนใจ แต่บทขาดความลึกซึ้ง การดำเนินเรื่องรวบรัด และปมปริศนาไม่แข็งแรงพอ น่าผิดหวัง
การแสดงและตัวละคร นักแสดงหน้าใหม่มีความสดใส แต่การแสดงยังไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่ซับซ้อนได้เต็มที่ ตัวละครมีลักษณะตามพิมพ์นิยม ขาดมิติ พอใช้
งานสร้างและเทคนิค โดดเด่นอย่างมาก ภาพสวยงาม ฉากและเสื้อผ้าอลังการ สะท้อนความหรูหราของโลกชนชั้นสูงได้สมจริง ยอดเยี่ยม
ความบันเทิง ดูได้เพลินๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวนี้โดยเฉพาะ แต่ขาดแรงดึงดูดที่จะทำให้ผู้ชมต้องติดตามอย่างใจจดใจจ่อ ปานกลาง

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

จากการวิเคราะห์ทั้งหมด สามารถสรุปข้อดีและข้อด้อยของซีรีส์ Hierarchy ได้ดังนี้:

  • สิ่งที่ชอบ:
    • งานภาพและโปรดักชัน: ซีรีส์นำเสนอภาพความหรูหราได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้โลกของโรงเรียนจูชินดูสมจริงและน่าตื่นตา
    • การตั้งประเด็นทางสังคม: แม้จะเล่าได้ไม่ลึกซึ้งนัก แต่การหยิบยกปัญหาความเหลื่อมล้ำ การบูลลี่ และการใช้อภิสิทธิ์มานำเสนอก็ยังเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและกระตุ้นให้เกิดการขบคิด
    • ความกระชับ: ด้วยจำนวนเพียง 7 ตอน ทำให้สามารถดูจบได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซีรีส์ที่ไม่ยาวจนเกินไป
  • สิ่งที่ไม่ชอบ:
    • บทที่อ่อนและคาดเดาง่าย: พล็อตการแก้แค้นและปมฆาตกรรมขาดความซับซ้อนและชั้นเชิง ทำให้เรื่องราวไม่น่าติดตามเท่าที่ควร
    • การแสดงที่ไม่สม่ำเสมอ: การแสดงของนักแสดงหลักบางคนยังไม่สามารถทำให้เชื่อในบทบาทได้สนิทใจ โดยเฉพาะในฉากที่ต้องการพลังทางอารมณ์สูง
    • การพัฒนาตัวละครที่เร่งรีบ: ตัวละครหลายตัวมีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและการกระทำที่กะทันหันเกินไป ขาดที่มาที่ไปที่น่าเชื่อถือ

บทสรุปและคะแนน

สรุปแล้ว รีวิว Hierarchy: แฉลับโรงเรียนไฮโซ คุ้มค่าแก่การดู? คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับความคาดหวังของผู้ชม หากมองหาซีรีส์วัยรุ่นที่งานภาพสวยงาม โปรดักชันอลังการ และมีประเด็นเรื่องสงครามชนชั้นให้ดูเพลินๆ โดยไม่ต้องการความซับซ้อนของบทหรือการแสดงที่ลึกซึ้ง Hierarchy ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ แต่หากคาดหวังว่าจะได้ชมซีรีส์แนวแก้แค้นที่เฉียบคม หรือดราม่าจิตวิทยาที่เข้มข้นถึงใจ ก็อาจจะต้องผิดหวัง ซีรีส์เรื่องนี้เปรียบเสมือนอาหารจานหรูที่หน้าตาสวยงามน่ารับประทาน แต่เมื่อได้ลิ้มลองแล้วกลับพบว่ารสชาติยังขาดความกลมกล่อมและน่าจดจำ

คะแนน (Score)

5/10

เป็นซีรีส์ที่ดูได้เพลินด้วยงานภาพที่งดงาม แต่กลับสะดุดด้วยบทที่อ่อนและคาดเดาง่าย ทำให้พลังในการวิพากษ์สังคมและประเด็นชนชั้นไปไม่ถึงจุดที่ควรจะเป็น

คำแนะนำ (Recommendation)

Hierarchy เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ชมที่ชื่นชอบซีรีส์เกาหลีแนวโรงเรียนไฮโซ, สงครามชนชั้น และดราม่าวัยรุ่น
  • แฟนคลับของนักแสดงนำอย่าง อีแชมิน, โนจองอี และคิมแจวอน
  • ผู้ที่ให้ความสำคัญกับงานภาพและโปรดักชันที่สวยงามอลังการ และสามารถมองข้ามข้อบกพร่องด้านบทไปได้

อย่างไรก็ตาม อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ชมที่มองหาบทภาพยนตร์ที่ซับซ้อน มีการหักมุมที่ชาญฉลาด หรือการแสดงที่ทรงพลังเทียบเท่าซีรีส์ระดับรางวัล

หากระเบียบที่สวยงามถูกสร้างขึ้นบนความอยุติธรรม การทำลายระเบียบนั้นลง…คือการสร้างสรรค์หรือการทำลายล้าง?

บทความรีวิวมาใหม่