ai generated 719






รีวิว Jurassic World 4: การกลับมาของไดโนเสาร์ในดินแดนสยาม


Jurassic World 4 มาแน่! Scarlett Johansson นำทีมบุกไทย

การกลับมาของแฟรนไชส์ไดโนเสาร์ระดับตำนานได้รับการยืนยันแล้ว เพราะ Jurassic World 4 มาแน่! Scarlett Johansson นำทีมบุกไทย ในภาพยนตร์ภาคใหม่ที่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Jurassic World: Rebirth ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการเริ่มต้นยุคใหม่ของจักรวาลจูราสสิค การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแค่เปลี่ยนตัวนักแสดงนำ แต่ยังรวมถึงการยกกองไปถ่ายทำในประเทศไทยอย่างกว้างขวาง สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ทั่วโลก

ประเด็นสำคัญที่ไม่ควรพลาด

Jurassic World 4 มาแน่! Scarlett Johansson นำทีมบุกไทย - jurassic-world-4-scarlett-johansson-thailand

  • การเริ่มต้นบทใหม่: Scarlett Johansson เข้ารับบทนำในฐานะตัวละครใหม่ “โซรา เบนเน็ตต์” ผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการลับ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการรีบูตเรื่องราวโดยไม่เกี่ยวข้องกับตัวละครจากไตรภาคก่อนหน้าอย่าง คริส แพร็ตต์ และไบรซ์ ดัลลาส ฮาวเวิร์ด
  • ประเทศไทยในฐานะฉากหลังสำคัญ: ภาพยนตร์ได้ถ่ายทำในหลายจังหวัดของประเทศไทย เช่น กระบี่, ตรัง, พังงา, ภูเก็ต และกรุงเทพฯ โดยทิวทัศน์ที่สวยงามและป่าเขตร้อนของไทยจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศของเกาะลึกลับแห่งใหม่
  • การกลับมาของมือเขียนบทดั้งเดิม: David Koepp ผู้เขียนบทจากภาพยนตร์ Jurassic Park ภาคแรก กลับมารับหน้าที่เขียนบทอีกครั้ง ซึ่งสร้างความคาดหวังว่าภาคนี้จะหวนคืนสู่รากเหง้าของความระทึกขวัญและการผจญภัยที่เคยสร้างชื่อเสียงไว้
  • เรื่องราวที่เข้มข้นและระทึกขวัญ: เนื้อเรื่องจะเกิดขึ้น 5 ปีหลังจากเหตุการณ์ใน Jurassic World: Dominion โดยติดตามภารกิจลับของโซราในการเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมจากไดโนเสาร์ยักษ์ 3 ตัว ซึ่งนำไปสู่การเผชิญหน้ากับความลับที่ซ่อนอยู่บนเกาะปริศนา

ภาพรวมและความรู้สึกแรก

Jurassic World: Rebirth คือความพยายามในการฟื้นคืนชีพแฟรนไชส์ให้กลับสู่จุดเด่นด้านความระทึกขวัญและการผจญภัยอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ละทิ้งโครงเรื่องที่ซับซ้อนและสเกลใหญ่ระดับโลกของภาคก่อนหน้า เพื่อหันมาเล่าเรื่องราวที่เป็นส่วนตัวและกดดันมากขึ้น ผ่านภารกิจของ โซรา เบนเน็ตต์ (Scarlett Johansson) ทิวทัศน์อันงดงามของประเทศไทยถูกใช้เป็นฉากหลังที่เต็มไปด้วยอันตรายและความลึกลับ ชวนให้นึกถึงบรรยากาศดั้งเดิมของเกาะอิสลานูบลาร์ นี่จึงไม่ใช่ภาคต่อโดยตรง แต่เปรียบเสมือนผู้สืบทอดจิตวิญญาณของ Jurassic Park ฉบับดั้งเดิมอย่างแท้จริง

บทวิจารณ์เชิงลึก

การวิเคราะห์เจาะลึกในแต่ละองค์ประกอบของภาพยนตร์ แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับแฟรนไชส์ โดยยังคงเคารพต่อรากฐานที่เคยสร้างไว้

โครงเรื่องและบท (Script & Plot)

การกลับมาของ David Koepp คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง บทภาพยนตร์ของ Rebirth เลือกที่จะลดความซับซ้อนลงอย่างเห็นได้ชัด โดยมุ่งเน้นไปที่สถานการณ์ “ภารกิจลับที่ผิดพลาด” ซึ่งทำให้เรื่องราวกลับไปสู่แนวทางเอาชีวิตรอดที่คุ้นเคย การละทิ้งประเด็นไดโนเสาร์ที่กระจายไปทั่วโลกจากภาค Dominion ช่วยให้ภาพยนตร์สามารถสร้างความตึงเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้ “เกาะลึกลับพร้อมความลับที่ซ่อนไว้” เป็นแกนกลางของเรื่อง ถือเป็นการคารวะต่อองค์ประกอบคลาสสิกของแฟรนไชส์ ประเด็นการแย่งชิงสารพันธุกรรมยังคงสะท้อนถึงคำถามเชิงจริยธรรมเกี่ยวกับความโลภขององค์กรและความทะเยอทะยานทางวิทยาศาสตร์ที่เกินขอบเขต การปรากฏตัวของครอบครัวพลเรือนที่ติดอยู่บนเกาะทำหน้าที่เป็นสมอทางอารมณ์ และสร้างสถานการณ์ “คนธรรมดาในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ภาคแรกประสบความสำเร็จ

การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)

Scarlett Johansson ในบท โซรา เบนเน็ตต์ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เธอไม่ใช่นักบรรพชีวินวิทยาหรือผู้ฝึกแร็พเตอร์ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการลับ ซึ่งบ่งบอกถึงโทนเรื่องที่เน้นยุทธวิธีและฉากแอ็กชันมากขึ้น ประสบการณ์ของ Johansson ในบทบาทแนวนี้ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้กับตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม ทีมนักแสดงสมทบอย่าง Mahershala Ali และ Jonathan Bailey ก็ช่วยเพิ่มมิติและความน่าเชื่อถือให้กับภาพยนตร์ การไม่นำตัวละครหลักจากไตรภาคก่อนหน้ากลับมาถือเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญและจำเป็น เพื่อให้เรื่องราวใหม่สามารถดำเนินไปได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกผูกมัดกับเส้นเรื่องเดิม นี่คือการ “เกิดใหม่” (Rebirth) อย่างแท้จริง ที่เปิดโอกาสให้ตัวละครใหม่ได้เฉิดฉายและสร้างตำนานของตนเอง

งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)

การเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักไม่ใช่แค่การหาทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่เป็นการตัดสินใจเชิงศิลป์ที่สำคัญ ภูเขาหินปูนของกระบี่, ป่าดิบชื้นของภูเก็ต, และชายฝั่งทะเลของตรัง ล้วนสร้างภาพที่สะท้อนถึงเกาะอิสลานูบลาร์ได้อย่างทรงพลัง ทำให้เกิดความรู้สึกของความงามที่แฝงเร้นด้วยอันตรายที่คาดเดาไม่ได้ งานภาพถ่ายทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถจับภาพความยิ่งใหญ่ของไดโนเสาร์และความน่าสะพรึงกลัวของการไล่ล่าในป่าทึบได้อย่างสมดุล เทคนิคพิเศษทางภาพกว่า 1,500 ช็อต แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ให้สมจริงที่สุด โดยผสมผสานสภาพแวดล้อมจริงเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างลงตัว

ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับไปสู่แก่นแท้ของความน่าเกรงขามและความน่าสะพรึงกลัวของธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมตกหลุมรักแฟรนไชส์นี้ตั้งแต่แรก

ฉาก/ไฮไลต์ที่น่าจดจำ

หนึ่งในฉากที่น่าจะถูกจดจำไปอีกนาน คือฉากการไล่ล่าในอ่าวพังงา ขณะที่ทีมของโซรากำลังนำทางผ่านแนวเขาหินปูนที่สูงตระหง่านในยามพลบค่ำ ไดโนเสาร์น้ำขนาดมหึมา (ซึ่งอาจเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในภาคนี้) ก็เริ่มติดตามพวกเขาอย่างเงียบเชียบ ความตึงเครียดไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากเสียงคำรามหรือการจู่โจมที่รุนแรง แต่มาจากความเงียบ, เงามืดใต้น้ำ, และความรู้สึกอึดอัดของพื้นที่ปิดล้อม ฉากนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้กำกับ Gareth Edwards ในการสร้างบรรยากาศกดดัน โดยให้ความสำคัญกับความระทึกขวัญมากกว่าฉากแอ็กชันที่อึกทึกครึกโครม ซึ่งเป็นแนวทางที่ชวนให้นึกถึงฉากคอกทีเร็กซ์ในตำนานจากภาคแรก

ตารางสรุปการวิเคราะห์องค์ประกอบหลักของ Jurassic World: Rebirth
องค์ประกอบ การวิเคราะห์ คะแนน (เต็ม 10)
โครงเรื่องและบท กลับสู่รากเหง้าของความระทึกขวัญและการผจญภัย เนื้อเรื่องกระชับและมุ่งเน้นการเอาชีวิตรอด 8.5/10
การแสดงและตัวละคร Scarlett Johansson นำทีมนักแสดงใหม่ได้อย่างแข็งแกร่ง สร้างมิติใหม่ให้กับแฟรนไชส์ 9/10
งานสร้างและเทคนิคพิเศษ การใช้สถานที่ถ่ายทำในประเทศไทยสร้างบรรยากาศที่น่าทึ่ง VFX สมจริงและน่าเกรงขาม 9.5/10
ความบันเทิงโดยรวม การผจญภัยที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความระทึกขวัญ เหมาะสำหรับแฟนเก่าและผู้ชมใหม่ 9/10

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

  • สิ่งที่ชอบ:
    • การรีเซ็ตเรื่องราวที่ทำให้แฟรนไชส์กลับมาสดใหม่และน่าติดตามอีกครั้ง โดยเน้นที่การผจญภัยและความระทึกขวัญ
    • การแสดงที่ทรงพลังของ Scarlett Johansson ซึ่งนำเสนอมุมมองของตัวละครเอกที่แตกต่างออกไป
    • งานภาพที่งดงามซึ่งใช้ประโยชน์จากทิวทัศน์ของประเทศไทยได้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ทั้งสวยงามและอันตราย
  • สิ่งที่ไม่ชอบ:
    • โครงเรื่อง แม้จะดำเนินไปอย่างกระชับ แต่อาจให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยเกินไปสำหรับแฟนๆ ที่ติดตามมาอย่างยาวนาน
    • การไม่มีตัวละครเก่าที่แฟนๆ รัก อาจทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกขาดการเชื่อมโยงทางอารมณ์ในช่วงแรก

บทสรุปและคะแนน

Jurassic World: Rebirth ถือเป็นการปรับทิศทางของแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จและดำเนินการได้อย่างมั่นใจ การกลับไปสู่สูตรสำเร็จของความระทึกขวัญ, ความอัศจรรย์, และความเปราะบางของมนุษย์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ทำให้ภาพยนตร์สามารถทวงคืนจิตวิญญาณที่เคยทำให้แฟรนไชส์นี้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกได้อีกครั้ง การใช้นักแสดงชุดใหม่และสถานที่ถ่ายทำในประเทศไทยที่น่าทึ่ง ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกทั้งหวนรำลึกถึงอดีตและสดใหม่ไปพร้อมกัน

คะแนน (Score)

★★★★★★★★☆☆
8/10

การกลับมาที่ทรงพลังและน่าตื่นเต้น ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ามนต์เสน่ห์ของไดโนเสาร์ยังคงอยู่เหนือกาลเวลา โดยเฉพาะเมื่อมันถูกเล่าผ่านมุมมองที่สดใหม่และฉากหลังที่น่าตื่นตาตื่นใจ

คำแนะนำ (Recommendation)

ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับแฟนๆ ของ Jurassic Park ภาคดั้งเดิม, ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวแอ็กชัน-ระทึกขวัญ, และทุกคนที่มองหาการผจญภัยฟอร์มยักษ์บนจอภาพยนตร์ เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ชมหน้าใหม่ และเป็นการกลับมาที่น่าพอใจสำหรับแฟนๆ ที่คิดถึงความตื่นเต้นระทึกใจของภาพยนตร์ภาคแรกๆ

เมื่อมนุษย์พยายามควบคุมพลังที่เหนือกว่าความเข้าใจของตนเอง สิ่งที่เราสร้างขึ้นนั้นสะท้อนถึงความทะเยอทะยานของเรา หรือเป็นเพียงกระจกเงาของสัญชาตญาณการทำลายล้างที่มีอยู่เดิมกันแน่?


บทความรีวิวมาใหม่