ai generated 285

รีวิว Hierarchy วังวนขยี้บัลลังก์ เกมแค้นชนชั้น

ซีรีส์เกาหลี Hierarchy หรือในชื่อไทย วังวนขยี้บัลลังก์ คือภาพจำลองของโลกที่อำนาจและสถานะทางสังคมถูกบีบอัดให้อยู่ในรั้วโรงเรียนมัธยมปลายจูชิน ที่ซึ่งกลุ่มนักเรียนอภิสิทธิ์ชนเพียง 0.01% เป็นผู้กุมกฎเกณฑ์ทุกอย่าง การมาถึงของนักเรียนทุนคนใหม่ผู้มีความลับดำมืดจึงเปรียบเสมือนหินก้อนเล็กๆ ที่ถูกโยนลงไปในน้ำนิ่ง เพื่อหวังจะสร้างแรงกระเพื่อมให้โครงสร้างที่ดูแข็งแกร่งต้องสั่นคลอน

ภาพรวมและความรู้สึกแรก

รีวิว Hierarchy วังวนขยี้บัลลังก์ เกมแค้นชนชั้น - review-hierarchy-k-drama-netflix

Hierarchy เปิดฉากด้วยบรรยากาศหรูหราแต่กดดันของโรงเรียนมัธยมจูชิน สถาบันที่ก่อตั้งโดยกลุ่มแชโบลทรงอิทธิพลของเกาหลีใต้ ที่นี่ไม่ใช่แค่สถานศึกษา แต่เป็นสังคมจำลองที่ลำดับชั้นถูกกำหนดด้วยสายเลือดและทรัพย์สิน การแบ่งแยกชนชั้นแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น สีของเนคไท ที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างนักเรียนทั่วไปและนักเรียนทุนผู้ด้อยสิทธิ์ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ คังฮา (รับบทโดย อีแชมิน) นักเรียนทุนคนใหม่ ก้าวเข้ามาพร้อมเป้าหมายซ่อนเร้นในการสืบหาความจริงเบื้องหลังการตายปริศนาของพี่ชาย การมาของเขาได้ท้าทายอำนาจของ คิมรีอัน ทายาทผู้ก่อตั้งโรงเรียน และ จองแจอี ราชินีผู้กุมความลับอันตรายเอาไว้ ความรู้สึกแรกหลังชมคือความน่าสนใจของประเด็นที่แข็งแรง แต่ก็แฝงด้วยความกังวลว่าซีรีส์จะสามารถขยี้ปมความขัดแย้งทางชนชั้นไปได้สุดทางหรือไม่ หรือจะจบลงที่สูตรสำเร็จของซีรีส์วัยรุ่นทั่วไป

  • โลกสมมติที่สะท้อนความจริง: ซีรีส์สร้างภาพโรงเรียนมัธยมจูชินให้เป็นกระจกสะท้อนสังคม ที่ซึ่งความเหลื่อมล้ำ การใช้อำนาจกดขี่ และอภิสิทธิ์ชนเป็นเรื่องปกติ
  • เกมแก้แค้นที่เดิมพันด้วยความลับ: การสืบสวนของตัวเอกไม่ได้เป็นเพียงการหาตัวคนผิด แต่คือการกระชากหน้ากากของระบบที่เน่าเฟะจากภายใน
  • รักสามเส้าบนกองเถ้าถ่านแห่งอำนาจ: ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างตัวละครหลักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเรื่องราว ท่ามกลางเกมการเมืองและสงครามชนชั้น
  • บทสรุปที่ตั้งคำถามมากกว่าให้คำตอบ: ตอนจบของซีรีส์ดูเหมือนจะผ่อนปรนต่อตัวร้าย และทิ้งปมไว้มากมายเพื่อปูทางไปสู่ซีซั่นต่อไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมที่คาดหวังการแก้แค้นที่สาสมรู้สึกผิดหวัง

บทวิจารณ์เชิงลึก

การวิเคราะห์ รีวิว Hierarchy วังวนขยี้บัลลังก์ เกมแค้นชนชั้น จำเป็นต้องมองลึกลงไปในองค์ประกอบต่างๆ ตั้งแต่โครงเรื่องที่พยายามจะเสียดสีสังคม ไปจนถึงการแสดงและงานสร้างที่ประกอบร่างให้โลกของจูชินมีชีวิตขึ้นมา ซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งจุดที่น่าชื่นชมและจุดที่น่าตั้งคำถามถึงทิศทางของการเล่าเรื่อง

โครงเรื่องและบท (Script & Plot)

จุดแข็งของ Hierarchy คือการวางโครงเรื่องในช่วง 3 ตอนแรกที่เต็มไปด้วยปริศนาและความน่าติดตาม การเปิดโปงความลับดำมืดของโรงเรียนชั้นสูงทำได้อย่างน่าสนใจ และสร้างความคาดหวังให้ผู้ชมว่าเกมการแก้แค้นของคังฮาจะดุเดือดและพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ แต่หลังจากนั้น บทกลับเริ่มสูญเสียทิศทาง ความเข้มข้นของประเด็นการต่อสู้ทางชนชั้นและการแก้แค้นค่อยๆ ถูกลดทอนลง และถูกแทนที่ด้วยปมรักสามเส้าระหว่าง คังฮา, แจอี และ รีอัน ซึ่งแม้จะมีความซับซ้อนทางอารมณ์ แต่ก็ทำให้แกนหลักของเรื่องเจือจางลงไปอย่างน่าเสียดาย

“เรื่องจั่วหัวว่าเกี่ยวกับเรื่องแบ่งชนชั้น แต่เนื้อเรื่องเน้นไปที่รัก 3 เศร้า… ผู้ชมที่คาดหวังเรื่องแก้แค้นอาจผิดหวัง เพราะปมอาจจะน้อยไปหน่อย”

บทสนทนาพยายามสอดแทรกแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมและการท้าทายอำนาจ แต่การกระทำของตัวละครกลับไม่ส่งเสริมแนวคิดนั้นได้อย่างเต็มที่ การลงโทษตัวละครที่กระทำผิดนั้นเบาบางจนน่าแปลกใจ ซึ่งสะท้อนผ่านบทวิจารณ์ที่ว่า:

“ซีรีส์พยายามทิ้งปมไว้ตลอด แต่เมื่อจบกลับไม่ได้สมขมังตามที่ควรจะเป็น ดูแล้วก็ไม่รู้จะสงสารใครดีนัก ส่วนผลกรรมที่ได้รับก็เบาบางจนจางนิด ๆ”

ประเด็นการใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการสั่นคลอนอำนาจของกลุ่มแชโบลถูกนำเสนอขึ้นมา แต่ก็เป็นเพียงผิวเผินและไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือพลิกเกมได้อย่างทรงพลังเท่าที่ควรจะเป็น โดยรวมแล้ว พล็อตเรื่องมีศักยภาพสูง แต่กลับไปไม่ถึงจุดสูงสุดที่วางไว้แต่แรก

การแสดงและตัวละคร (Casting & Character)

ทีมนักแสดงถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญของซีรีส์ อีแชมิน ในบท คังฮา สามารถถ่ายทอดแววตาที่มุ่งมั่นและเจ็บปวดของเด็กหนุ่มที่เข้ามาเพื่อทวงความยุติธรรมได้อย่างน่าเชื่อถือ ขณะที่ โนจองอี ในบท จองแจอี ก็แสดงออกถึงความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ใต้ภาพลักษณ์ของราชินีผู้เย็นชาได้อย่างมีมิติ และ คิมแจวอน ในบท คิมรีอัน ก็สามารถสร้างภาพลักษณ์ของทายาทผู้ทรงอิทธิพลที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าสงสารในเวลาเดียวกันได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของตัวละครกลับถูกจำกัดด้วยทิศทางของบทที่ขาดความหนักแน่น ตัวละครหลายตัว โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนอภิสิทธิ์ชน ยังคงมีมิติที่แบน ขาดเหตุผลในการกระทำที่ลึกซึ้ง และมักจะวนเวียนอยู่กับพฤติกรรมเดิมๆ ทำให้ผู้ชมยากที่จะรู้สึกผูกพันหรือเข้าใจการตัดสินใจของพวกเขาได้อย่างถ่องแท้ แม้ว่าเคมีระหว่างนักแสดงนำจะน่าสนใจ แต่ก็ไม่สามารถแบกรับความอ่อนของบทโดยรวมไว้ได้ทั้งหมด

งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ (Production Value)

ในด้านงานสร้าง Hierarchy ทำได้อย่างยอดเยี่ยมและไม่มีที่ติ การออกแบบฉากโรงเรียนมัธยมจูชินให้มีความหรูหรา โอ่อ่า แต่แฝงไปด้วยความเย็นชาและน่าอึดอัด สามารถสื่อถึงบรรยากาศของการถูกควบคุมและการแบ่งแยกได้เป็นอย่างดี การใช้สีและแสงในเรื่องถูกคิดมาอย่างมีสไตล์ โดยเฉพาะโทนสีที่ดูหม่นและดาร์กซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาของเรื่อง

ดนตรีประกอบเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยเสริมสร้างอารมณ์ระทึกขวัญและดราม่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการออกแบบเครื่องแต่งกายที่สะท้อนถึงสถานะทางสังคมของตัวละครได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเนคไทที่เป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งชนชั้น ถือเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทรงพลังและทำให้โลกของซีรีส์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ฉาก/ไฮไลต์ที่น่าจดจำ (Memorable Moments)

ฉากที่ตราตรึงใจที่สุดอาจเป็นฉากในหอประชุม ที่คังฮา นักเรียนทุนผู้มาใหม่ ตัดสินใจท้าทายกฎเหล็กของโรงเรียนต่อหน้าทุกคน เขาจงใจเดินข้ามเส้นแบ่งพื้นที่ที่ถูกขีดไว้สำหรับนักเรียนทุน และเผชิญหน้ากับคิมรีอันโดยตรง ฉากนี้ไม่ได้มีเพียงบทพูดที่เชือดเฉือน แต่เป็นการปะทะกันของสายตาและอุดมการณ์ ท่ามกลางความเงียบงันของนักเรียนคนอื่นๆ มันคือวินาทีแรกที่ “ระเบียบ” ที่ไม่เคยมีใครกล้าตั้งคำถามถูกสั่นคลอนอย่างเป็นทางการ กล้องจับภาพระยะใกล้ที่ใบหน้าของคังฮาซึ่งเต็มไปด้วยความแน่วแน่ และสลับไปที่ใบหน้าของรีอันที่ฉายแววสับสนระหว่างความโกรธและความประหลาดใจ ฉากนี้สรุปแก่นของเรื่องราวทั้งหมดไว้ในนาทีเดียว นั่นคือการต่อสู้ของปัจเจกบุคคลต่อระบบที่ไม่เป็นธรรม

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

การประเมินซีรีส์เรื่องนี้สามารถสรุปเป็นข้อดีและข้อเสียที่ชัดเจนได้ดังนี้

สิ่งที่ชอบ

  • ประเด็นเริ่มต้นแข็งแรง: การหยิบยกเรื่องราวความเหลื่อมล้ำในโรงเรียนมานำเสนอเป็นสิ่งที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดผู้ชมได้ตั้งแต่แรก
  • การแสดงที่น่าจดจำ: นักแสดงนำสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความซับซ้อนของตัวละครได้เป็นอย่างดี
  • งานภาพและเสียงมีสไตล์: งานสร้างมีคุณภาพสูง ทั้งฉาก คอสตูม และดนตรีประกอบที่ช่วยเสริมบรรยากาศของเรื่องได้อย่างลงตัว
สิ่งที่ไม่ชอบ

  • พล็อตที่แผ่วปลาย: จากซีรีส์แก้แค้นที่ดุเดือด กลายเป็นดราม่ารักสามเส้าที่ลดทอนความเข้มข้นของแก่นเรื่อง
  • บทลงโทษที่ไม่สาสม: การคลี่คลายปมและการลงโทษตัวร้ายทำได้ไม่ถึงใจ ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าความยุติธรรมที่ได้รับนั้นเบาบางเกินไป
  • ขาดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ: โครงเรื่องมีความคล้ายคลึงกับซีรีส์แนวเดียวกันอย่าง Elite ของสเปน แต่ยังไม่สามารถสร้างความดาร์กหรือความสดใหม่ได้เท่า
ตารางสรุปการวิเคราะห์องค์ประกอบหลักของซีรีส์ “Hierarchy”
องค์ประกอบ การวิเคราะห์
โครงเรื่องและบท มีจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งและน่าติดตาม แต่สูญเสียทิศทางในช่วงกลางเรื่อง โดยหันไปเน้นปมรักสามเส้ามากกว่าการแก้แค้นทางชนชั้น
การแสดงและตัวละคร นักแสดงนำทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมและมีเคมีที่เข้ากัน แต่การพัฒนาตัวละครถูกจำกัดด้วยบทที่ยังขาดความลึก
งานสร้างและองค์ประกอบศิลป์ โดดเด่นและมีคุณภาพสูง ทั้งงานภาพ เสียง และการออกแบบฉาก สามารถสร้างบรรยากาศที่กดดันและหรูหราได้สำเร็จ
ประเด็นทางสังคม นำเสนอภาพความเหลื่อมล้ำได้อย่างน่าสนใจ แต่การขยี้ประเด็นยังไม่ถึงที่สุด และบทสรุปยังไม่สามารถมอบความรู้สึกสะใจได้

บทสรุปและคะแนน

สรุปแล้ว Hierarchy วังวนขยี้บัลลังก์ เป็นซีรีส์ที่มีเปลือกนอกสวยงามน่าดึงดูด ด้วยประเด็นที่ท้าทายสังคม งานสร้างระดับพรีเมียม และทีมนักแสดงมากฝีมือ แต่น่าเสียดายที่แก่นกลางของเรื่องราวกลับไม่แข็งแรงพอที่จะแบกรับความคาดหวังทั้งหมดไว้ได้ ซีรีส์เรื่องนี้มอบความบันเทิงในฐานะดราม่าวัยรุ่นที่มีฉากหลังเป็นสงครามชนชั้น แต่สำหรับผู้ชมที่มองหาการแก้แค้นที่เข้มข้นถึงใจ หรือการวิพากษ์สังคมที่เฉียบคม อาจต้องลดระดับความคาดหวังลง มันคือซีรีส์ที่ดูได้เพลินๆ แต่ยังไม่สามารถก้าวขึ้นไปเป็นผลงานมาสเตอร์พีซที่น่าจดจำได้

“ต่อให้กาลเวลาจะเปลี่ยนผันแต่ความพยาบาทก็ยังคงเป็นของหวาน… ซีรีส์จึงนำเสนอในแง่มุมของการให้อภัย มากกว่าเน้นความสะใจแบบคนชั่วสมควรได้รับการแก้แค้นมากกว่าความเมตตา”

คะแนน (Score)

6/10

ซีรีส์ที่มีศักยภาพสูงด้วยประเด็นทางสังคมที่แข็งแกร่งและการแสดงที่น่าประทับใจ แต่กลับแผ่วปลายด้วยบทที่หันไปเน้นเรื่องรักสามเส้า ทำให้เกมแก้แค้นขาดความเข้มข้นและน่าจดจำ

คำแนะนำ (Recommendation)

ซีรีส์เรื่องนี้เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ชมที่ชื่นชอบซีรีส์เกาหลีแนววัยรุ่นในโรงเรียน ที่มีองค์ประกอบของดราม่าและความรัก
  • แฟนคลับของนักแสดงนำอย่าง อีแชมิน, โนจองอี และคิมแจวอน
  • ผู้ที่สนใจประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ไม่คาดหวังการนำเสนอที่ดาร์กหรือรุนแรงจนเกินไป

อาจไม่เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ชมที่คาดหวังซีรีส์แนวแก้แค้นที่ดุเดือด เชือดเฉือน และสะใจ
  • ผู้ที่มองหาพล็อตเรื่องที่ซับซ้อนและคาดเดายาก

หากโครงสร้างแห่งอำนาจถูกสั่นคลอนด้วยความจริงเพียงหนึ่งเดียว แต่สุดท้ายไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ความยุติธรรมที่ได้มานั้นมีความหมายเพียงใด?

บทความรีวิวมาใหม่